อเมริกาไล่ล่าเรือน้ำมันเวเนซุเอลาลำที่ 3 นักวิเคราะห์หวั่นกระทบราคาพลังงาน
รอยเตอร์ – หน่วยยามฝั่งอเมริกาไล่ล่าเรือบรรทุกน้ำมันในน่านน้ำสากลใกล้เวเนซุเอลา ซึ่งอาจเป็นการสกัดเรือที่ถูกแซงก์ชันครั้งที่ 3 ในช่วงไม่ถึง 1 สัปดาห์ ขณะที่วอชิงตันเพิ่มดีกรีกดดันการากัสหนักขึ้น นักวิเคราะห์เตือนการกระทำทั้งหมดของอเมริกา ซึ่งรวมถึงการระเบิดเรือที่ถูกกล่าวหาลักลอบขนยาเสพติดและการยึดเรือบรรทุกน้ำมันอาจส่งผลต่อราคาพลังงาน บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในสายตาประชาคมโลก และสร้างหายนะต่อสิ่งแวดล้อมหากเกิดข้อผิดพลาดทำให้น้ำมันรั่วไหล
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ (21 ธ.ค.) หน่วยยามฝั่งไล่ติดตามเรือบรรทุกน้ำมันที่เชื่อมโยงกับการหลีกเลี่ยงมาตรการแซงก์ชันของเวเนซุเอลาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือเงา และกล่าวหาว่า เรือดังกล่าวติดธงปลอมและอยู่ภายใต้คำสั่งยึดของศาลแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนบอกว่า ยังไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่บุกขึ้นไปบนเรือลำนั้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การสกัดอาจหมายถึงการไล่ตามหรือเฝ้าติดตามทางอากาศ ไม่ใช่การเข้ายึดทันที อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ระบุชื่อหรือเปิดเผยตำแหน่งที่ชัดเจนของเรือดังกล่าว
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ “ปิดกั้น” เรือบรรทุกน้ำมันทุกลำที่ถูกแซงก์ชันไม่ให้เข้า-ออกจากเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มความกดดันต่อประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ที่รวมถึงการประจำการทางทหารครั้งใหญ่ในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก และการโจมตีเรือกว่า 20 ลำในบริเวณดังกล่าวที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 คน
เควิน แฮสเส็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงไม่กี่วันนี้ อเมริกาได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำที่ดำเนินการในตลาดมืดและขนส่งน้ำมันให้ประเทศที่ถูกแซงก์ชัน และยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเรือบรรทุกน้ำมันเพียง 2 ลำจึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงในอเมริกา
ทว่า นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า การยึดเรือของอเมริกาอาจดันราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อตลาดเอเชียเปิดทำการในวันจันทร์ (22 ธ.ค.) ขณะที่ผู้ค้ากำลังพิจารณาความเสี่ยงที่การส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาอาจชะงักงันมากขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์คนอื่นๆ มองว่า การกระทำดังกล่าวอาจทำให้สถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียดยิ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อกองเรือเงาที่ขนส่งน้ำมันจากผู้ผลิตที่ถูกแซงก์ชันอย่างเวเนซุเอลา รัสเซีย และอิหร่าน
นักวิเคราะห์เสริมว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นด้านลอจิสติกส์อาจบีบให้ผู้ผลิตต้องลดราคาขายน้ำมันที่ถูกแซงก์ชัน และการเผชิญหน้าครั้งนี้ยังตอกย้ำความไม่แน่นอนมากขึ้นในตลาดน้ำมันโลกขณะที่วอชิงตันยกระดับการบังคับใช้มาตรการแซงก์ชัน
เอียน แรลบี ซีอีโอของไออาร์ คอนซิเลียม บริษัทกฎหมายและการรักษาความปลอดภัยทางทะเล ให้สัมภาษณ์กับรายการเอเชีย เฟิร์สต์ของซีเอ็นเอว่า การดำเนินการของอเมริกาเสี่ยงบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ และอาจนำไปสู่การคำนวณผิดพลาดและหายนะด้านสิ่งแวดล้อม
เขาแจกแจงว่า ความชอบธรรมในการโจมตีเรือที่อเมริกากล่าวหาว่า ลักลอบขนยาเสพติดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คนคือคำถามสำคัญ โดยการที่วอชิงตันไม่เปิดเผยอย่างชัดเจนว่า การดำเนินการเหล่านั้นทั้งหมดอิงกับพื้นฐานกฎหมายใดจะนำมาซึ่งคำถาม และอาจบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในสายตาประเทศหุ้นส่วนในแคริบเบียนและละตินอเมริกา รวมถึงทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศอื่นๆ อย่างจีน รัสเซีย อิหร่าน และประเทศที่ถูกแซงก์ชันอย่างเกาหลีเหนือ อาจทำแบบอเมริกาได้เช่นเดียวกัน
แรลบียังตั้งข้อสังเกตว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดน้ำมันรั่วไหลและสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ชุมชนชายฝั่งสูญเสียรายได้และการเข้าถึงอาหาร
เขาสำทับว่า แม้ปกติแล้วกองทัพเรือและหน่วยยามฝั่งของอเมริกาใช้ความระมัดระวังมากในการบุกขึ้นเรือต้องสงสัย แต่การดำเนินการเมื่อเร็วๆ นี้ เช่น การระเบิดเรือไม่ใช่ปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดปกติ จึงน่าเป็นห่วงว่า อาจเกิดเหตุผิดพลาด และเป็นไปได้ว่า เรือเป้าหมายอาจโจมตีตอบโต้
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO