รับสมัคร เลือกตั้ง สส.ขอนแก่นคึกคัก แกนนำพรรคดัง นำทีมผู้สมัครมากันครบ
วันที่ 27 ธ.ค.2568 ที่ห้องประชุม อบจ.ขอนแก่น ซึ่งได้กำหนดใช้เป็นสถานที่รับสมัครรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 ทั้ง 11 เขตเลือกตั้งของ จ.ขอนแก่น พบว่าบรรยากาศมีผู้ที่ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งจากพรรคการเมืองต่างๆมารอตั้งแต่ก่อนเวลาเปิดรับสมัคร เพื่อตรวจสอบเอกสารต่างๆให้ครบถ้วนก่อนการสมัครโดยมีเจ้าหน้าที่ กกต.ของแต่ละเขตคอยแนะนำอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยและดูแลความสงบเรียบร้อยของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองสังเกตุการณ์อยู่ภายในและโดยรอบบริเวณสถานที่รับสมัคร
ขณะที่เหล่าบรรดากองเชียร์ จากพรรคต่างๆต่างพากันยืนถือป้ายส่งเสียงเชียร์ พร้อมนำดอกกุหลาบ ผ้าขาวม้า และดอกดาวเรืองมามอบให้กับผ้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเพื่อให้กำลังใจอย่างไม่ขาดสาย ก่อนที่จะถึงเวลา 08.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับสลากเพื่อกำหนดลำดับผู้ที่จะเข้าไปสมัครและทำการจับหมายเลขประจำตัวผู้สมัครก่อน เนื่องจากทุกพรรคต่างมาพร้อมกันก่อนเวลาที่ทำการเปิดรับสมัครรับการเลือกตั้ง สส.ทั้ง 11 เขต โดยการจับหมายเลขประตัวผู้สมัครนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกคน โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคกล้าธรรม มีกองเชียร์ส่งเสียงลุ้นให้ได้หมายเลขอันดับต้นๆ
โดยพบว่าพรรคเพื่อไทย นำโดยนายาริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี,นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต สส.แบบบัญชีรายชื่อ,นายเสริทศักดิ์ พงษ์พานิชย์ อดีต รมว.วัฒนธรรม และพรรคประชาชนต่างส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 11 เขตในเช้าวันนี้
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยนำโดยนายพงศกร อรรณนพพร และพรรคกล้าธรรม นำโดยนานเอกราษฎร์ ช่างเหบา รองหัวหน้าพรรค ต่างพาผู้สมัคร ตัวเต็งคุ้นหน้าคุ้นตาชาวขอนแก่นต่างมาลงสมัครครบเช่นเดียวกัน
นายวัชระ สีสาร ผอ.กกต.ขอนแก่น กล่าวว่า การรับสมัครรับเลือกตั้ง สส.ทั้ง 11 เขตวันนี้ต่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งของผู้ที่มาสมัครแต่อย่างใด ทั้งนี้อยากจะประชาสัมพันธ์เน้นย้ำไปยังผู้ที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.ทั้ง 11 เขต เมื่อได้หมายเลขประจำตัวแล้วก็ให้พึงระวังในเรื่องของการอาจจะเผลอกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ถูกตัดสิทธ์ โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งอาจมีการร่วมกิจกรรม มหรสพ หรือการจัดงานต่างๆ ขอให้ใช้ความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการให้สิ่งของหรือประโยชน์อื่นใด ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
"ผู้ที่จะมาสมัครก็ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติให้ถูกต้องตามระเบียบด้วย เนื่องจากมีอัตราโทษที่สูงทั้งจำทั้งปรับ โดยโทษต่างนั้นมีกฎหมายควบคุมทั้งในเรื่อง การให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจให้ลงคะแนน (ผู้ซื้อเสียง) จำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี , การรับเงินหรือทรัพย์สินเพื่อลงคะแนน (ผู้ขายเสียง) จำคุก 1-5 ปี และปรับ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี,
การจัดยานพาหนะไปเลือกตั้งโดยไม่เสียค่าโดยสาร หากมีเจตนาจูงใจให้ลงคะแนนให้ตนเองหรือคนอื่น โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และ การลงสมัครโดยรู้ว่าขาดคุณสมบัติ จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี (มาตรา 120) ซึ่งก็ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย"
ด้าน นายพงศกร อรรนพพร แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า โดยส่วนตัวมีความมั่นใจมากทุกคนมีประสบการณ์มั่นใจเรื่องนโยบาย พี่น้องประชาชนทั่วประเทศไม่ใช่แค่ขอนแก่นรับทราบไม่ใช่แค่ในเขต 9หรือเขต 10 แต่ทุกเขตในขอนแก่นพรรคภูมิใจไทยมีความมั่นใจและคัดสรรผู้สมัครที่คิดว่าเข้าถึงพี่น้องประชาชน ทั้งภาพนโยบายและผู้สมัครและการบริหารงาน 2 เดือนที่ผ่านมาคิดว่าพี่น้องประชาชนสัมผัสได้ถึงความตั้งใจการเป็นมืออาชีพในการบริหารประเทศ
“แต่ละพรรคต่างมีอุดมการณ์ถ้าประชาชนเข้าถึงก็มีโอกาสและไม่ได้มีงานฮั้วกันทางการเมืองพรรคภูมิใจไทยมีความมั่นใจมากทั้งภาคอีสานทั่วประเทศและจังหวัดขอนแก่นเป็นนโยบายที่จับต้องและสัมผัสได้และเกิดขึ้นได้จริงครั้งนี้ขอนแก่นมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทย ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเกิน 6 เขตแน่นอน"
ขณะที่นายเอกราษฎร์ ช่างเหลา รองหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวว่า พรรคกล้าธรรมขอนแก่นส่งทั้งหมด 9 เขต แต่ละเขตที่ส่งนั้นมีความมั่นใจพี่น้องประชาชนมีความศรัทธาในพรรคกล้าธรรมพร้อมสนับสนุนพรรคเราได้ไปฟังเสียงประชาชนในเขตต่างๆปรากฏว่าประชาชนให้ความเชื่อมั่นโดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 3 ,4 ,5 ,7 ,8 พี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน
"คาดหวังไว้ประมาณ 6 เขตสำหรับขอนแก่น แนวทางการหาเสียงในพื้นที่จะรณรงค์ในการทำความเข้าใจได้ทราบพื้นฐานของพรรคกล้าธรรมโดยเฉพาะการที่ทำมากกว่าพูด เป็นการพิสูจน์ว่าพรรคกล้าธรรมไม่ได้ดีแต่พูด ยืนยันในคำพูดว่าทำได้และสามารถปฏิบัติได้ด้วย เดิมผมแม่มุกดา เคยเป็นคู่แข่งกันโดยมีความเชื่อมั่นว่าเขตเลือกตั้งที่4 แม่มุกดาคือคนที่เหมาะสมที่สุดและผมได้ประกาศไปแล้วว่าจะลงสมัยเดียวในเขตเลือกตั้งที่4 และรอบต่อไปจะเป็นลูกสาวแม่มุกดา หลายคนสงสัยว่าเคยสู้กันมาแต่ที่ผ่านมาเป็นวิถีทางการเมืองวันนี้พร้อมจับมือกันเพื่อพัฒนาและผลักดันเขตเลือกตั้งที่4 ไปสู่ความก้าวหน้าและความเจริญแบบยั้งยืน"
ด้านนายอภิชาติ ศิริสุนทร ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน กล่าวว่า พรรคประชาชนขอนแก่นพร้อมมากในการเลือกตั้งครั้งนี้พร้อมกว่าครั้งที่แล้วเพราะว่ามีทั้ง สส. เดิมเขต 1,2,3 เป็น สส. ที่ขยันลงพื้นที่มากเป็นที่ประจักษ์ต่อพี่น้องประชาชนคิดว่าจะรักษาแชมป์ในพื้นที่ได้แน่นอนเขตที่เหลือเราได้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามกระบวนการและผู้สมัครแต่ละท่านลงพื้นที่ร่วมกับสาขาพรรคและทำกิจกรรมในพื้นที่ทุกเดือน ผู้สมัครขอนแก่นใหม่เขตที่เหลือจะได้เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะประกอบกับนโยบายหาเสียงสิ่งที่ประชาชนต้องตัดสินใจเลือกมากที่สุดคือเลือกรัฐบาล จะเอารัฐบาลสีส้ม หรือเอารัฐบาลสีเทา ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคลแล้ว ถ้าพี่น้องประชาชนยังอยากได้รัฐบาลหน้าตาเดิมๆแบบเทาๆหรืออยากได้รัฐบาลแบบเอาจริงเอาจังต่อการปราบทุจริตคอรัปชั่น ปราบสแกรมเมอร์ก็อยากให้ตัดสินใจเลือกคิดว่าเป็นการเลือกหน้าตาของรัฐบาลครั้งนี้ขอนแก่นน่าจะได้มาเยอะกว่าเดิม ไม่มีการกังวลใจเรื่องกระแสแบบนี้เคยโดนมาแล้วในการเลือกตั้งสมัยที่แล้วเรามีเหตุผลในการอธิบายคิดว่าประชาชนเข้าใจเพราะว่าการเลือกครั้งนี้เป็นการชี้ขาดให้ประเทศไทยได้เปลี่ยน ยังยืนยันผู้สมัคร 3 เขตที่เป็นแชมป์เก่ามีความขยันลงพื้นที่เป็นประจำเอาปัญหาประชาชนนำไปสู่กสรแก้ไขถึงแม้เราไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่เราใช้กลไกที่มีอยู่แก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน
นายอภิวัฒน์ จ่าตา ผู้สมัคร เขต 5 พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จากการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ผ่านมา ทำให้พบเห็นปัญหาต่างๆของประชาชน จึงได้อาสามา มาเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ทั้งเรื่องทางการเกษตรที่มีปัญหาเรื่องสินค้าที่มีราคาตกต่ำ
"พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายที่ตรงประเด็น ตรงกับความเดือดร้อนของประชาชน และเชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ จึงอาสาเข้ามาเปลี่ยนแปลง ความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เขต 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ขณะนี้ในพื้นที่ที่มีปัญหาคือเรื่องช้า ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขที่เป็นการแก้ไขที่ยั่งยืน ชาวบ้านจะไม่ได้รับผลกระทบอีก จึงขออาสาเป็นตัวแทนของชาวบ้านมาแก้ปัญหาให้ จึงทิ้งวงการสื่อ มาลุยกับชาวบ้าน สิ่งไหนที่ต้องการพัฒนา ก็ต้องพัฒนาต่อ อยากเป็นตัวแทนชาวบ้าน เพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้ดีกว่าเดิม ในส่วนเรื่องของประชาธิปไตยของไทยในทุกวันนี้ ถือว่า แฟร์ๆกัน คนไทยและทุกพรรคการเมืองใส่ใจกันมากขึ้น ต้องมาดูหลังการเลือกตั้งว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร แต่ขอยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยนั้นเรื่องประชาธิไตย และ รักษาอธิปไตยของชาติเต็มที่ และในพื้นที่เขต 5 นั้นถ้ามีการพัฒนาครบทุกด้าน จะเกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สร้างความร่ำรวยให้ชาวบ้านในพื้นที่แน่นอน พลัสๆคนละครึ่งพลัส พูดแล้วทำพลัส"
ขณะที่ นายกิตติ เชิดชู หัวหน้าสาขาที่ 15 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคมีความมั่นใจ ส่งผู้สมัครลงเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ขอนแก่น โดยเห็นว่าพื้นที่ของภาคอีสานตามนโยบายของพรรคเรื่องทุนเทา พร้อมนโยบายที่ว่าอยากให้คนไทยหายจน อยากให้ชาว จ.ขอนแก่นมาร่วมกันในการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเกษตร ด้านการศึกษานั้นอยากให้ได้เรียนฟรีแบบจริง ๆ พร้อมทั้งผู้สุงอายุ และการพัฒนาประเทศต่าง ๆ ด้วย ซึ่งกระแสของพรรคประชาธิปัตย์เป็นกระแสที่กำลังขึ้นพอสมควร จึงได้นำพาผู้สมัครมาจับสลากเบอร์ และได้เบอร์ 1 ของเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งในการส่งผู้สมัครจะครบทั้ง 11 เขตเลือกตั้งของจังหวัดขอนแก่นด้วย
ภูมิภาค 48