โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

กราดยิง "หาดบอนได" ออสเตรเลีย เสียชีวิต 16 คน

สวพ.FM91

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ซิดนีย์, 15 ธ.ค. (ซินหัว) -- วันจันทร์ (15 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐนิวเซาธ์เวลส์ของออสเตรเลียรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ชายหาดบอนไดของนครซิดนีย์เมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นเป็น 16 ราย ซึ่งแบ่งเป็นผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 14 ราย และผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 2 ราย โดยผู้เสียชีวิตมีอายุ 10-87 ปี และหนึ่งในนี้เป็นผู้ก่อเหตุด้วย ขณะเดียวกันจำนวนผู้บาดเจ็บที่รับการรักษาในโรงพยาบาลอยู่ที่ราว 40 ราย เมื่อนับถึงช่วงเช้าวันจันทร์ (15 ธ.ค.) โดยมีอาการสาหัสห้าราย

มัล แลนยัน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาธ์เวลส์ เปิดเผยว่าผู้ต้องสงสัยก่อเหตุทั้งสองรายเป็นพ่อ วัย 50 ปี ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และลูกชาย วัย 24 ปี โดยผู้เป็นพ่อนั้นมีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนตามกฎหมาย และมีอาวุธปืนอยู่ในความครอบครอง 6 กระบอก ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนหาแรงจูงใจของการก่อเหตุกราดยิงครั้งนี้ ซึ่งแลนยันระบุอย่างเป็นทางการเมื่อคืนวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ว่าเป็นการก่อการร้าย

อนึ่ง เหตุกราดยิงเกิดขึ้นที่ชายหาดบอนไดตอนราว 18.47 น. ของวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ชายสองคนเปิดฉากกราดยิงใส่ฝูงชนอย่างน้อย 1,000 คน ซึ่งรวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมงานฉลองวันแรกของเทศกาลฮานุกกะห์ (Hanukkah) ของชาวยิว โดยนี่ถือเป็นเหตุกราดยิงครั้งร้ายแรงที่สุดของออสเตรเลียนับตั้งแต่เหตุสังหารประชาชน 35 คน ที่เมืองพอร์ตอาเธอร์ของรัฐแทสมาเนียเมื่อปี 1996 ซึ่งทำให้ออสเตรเลียหันมาแก้ไขกฎหมายการถือครองอาวุธปืนของประเทศ

ด้านแอนโทนี แอลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ "ชั่วร้ายอย่างแท้จริง" และยืนยันว่าออสเตรเลียจะทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดการต่อต้านชาวยิว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...