โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘Girl Dad’ พ่อที่ใกล้ชิด และสนิทสนมกับลูกสาว โอบอุ้ม เปิดกว้าง และเข้าใจสิทธิเสรีภาพในตัวลูก ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ชายก็เข้าใจความเป็นหญิงในตัวลูกสาวได้ไม่ต่างจากคนเป็นแม่

Mirror Thailand

อัพเดต 14 มิ.ย. 2567 เวลา 10.23 น. • เผยแพร่ 14 มิ.ย. 2567 เวลา 10.23 น.
ภาพไฮไลต์

ขณะที่หลายคนอาจคุ้นชินกับภาพของ ‘แม่’ ที่มีหน้าที่ดูแลลูกเป็นหลัก โดยเฉพาะหากมีลูกสาว คนเป็นแม่ก็น่าจะเข้าใจลูกได้มากที่สุด เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน หรือกระทั่งสนิทสนมมากกว่า เนื่องจากบางบ้าน พ่อก็ไม่ได้ใกล้ชิดลูกสาวเสียเท่าไร ซึ่งอันที่จริงภาพจำที่ว่า “ผู้ชายมีหน้าที่ทำงานหาเงิน ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่อยู่บ้านเลี้ยงลูก” ไม่อาจเป็นสูตรตายตัวที่กำหนดบทบาททางเพศในครอบครัว เพราะถ้าฝ่ายไหนอยากทำหน้าที่อะไร ก็ควรมีสิทธิ์ตกลง และเลือกแนวทางที่แฮปปี้กับทุกฝ่ายได้ ที่สำคัญเราไม่อาจตัดสินแบบเหมารวมได้ด้วยว่า เพศไหนจะเลี้ยงดูลูกได้ดีกว่ากัน เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของแต่ละบ้านมากๆ

การมีอยู่ของ ‘Girl Dad’ หรือพ่อที่สนิทกับลูกสาว ซึ่งคอยมอบความรัก ความเข้าใจให้ลูกสาว และเลี้ยงดูลูกสาวในทุกการเติบโต จึงเป็นหนึ่งตัวอย่างที่บอกได้ดีว่า ผู้ชายก็เลี้ยงลูกสาวได้ และบางคนก็อาจจะเข้าใจประเด็นละเอียดอ่อนของลูกสาวได้ไม่ต่างจากคนเป็นแม่ หรือบางครั้งก็อาจจะเข้าใจมากกว่าแม่ได้เหมือนกัน และนั่นทำให้เหล่าลูกสาวที่สนิทกับพ่อ หรือ Daddy’s Girl หลายคนรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่กับพ่อ

Jeff Cookston ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ที่ San Francisco State University กล่าวว่า เมื่อคุณพ่อมีส่วนร่วมเชิงบวกในชีวิตของเหล่าลูกสาว ลูกสาวเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะมีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งการมีส่วนร่วมที่ว่า เราคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่การดูแลแบบผิวเผิน พาไปเที่ยวเป็นครั้งคราว หรือเล่นด้วยนานๆ ที แต่มันอาจจะต้องมาพร้อมกับการพยายามทำความเข้าใจลูกสาว และเลี้ยงดูลูกสาวอย่างต่อเนื่องจริงๆ

Sean Williams ผู้เป็น Girl Dad คนหนึ่ง เขาเขียนบอกเล่าเรื่องนี้ลงบนเว็บไซต์ของ Parents ไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า การเป็น Girl Dad ไม่ใช่แค่การถ่ายรูปให้ลูก และแกล้งทำเป็นเล่นกับลูกเท่านั้นเพราะจริงๆ แล้วมันเกี่ยวเนื่องกับการเรียนรู้ความต้องการของลูกต่างหาก ซึ่งหากจะทำแบบนั้นได้ คุณพ่อก็ต้อง ‘มีเวลา’ ที่จะดูแลลูกด้วย ซึ่งนั่นทำให้ตัวเขาได้กลายเป็นเฟมินิสต์ และสนับสนุนสิทธิสตรีไปโดยปริยาย เช่นเดียวกับ Girl Dad หลายคน เพราะเขาคิดว่า เขาคงจะทนไม่ได้ ถ้าเห็นสังคมให้สิทธิ์ต่างๆ ในชีวิตของลูก น้อยกว่าที่เธอสมควรจะได้รับจริงๆ

“ผมจึงแสดงให้ลูกสาวเห็นถึงความรัก และการยอมรับในตัวพวกเขา เพื่อให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและไร้กังวล” เขากล่าว และ “อนุญาตให้พวกเขาแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างเปิดเผย และรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา”

เพราะเราอาจจะเห็นพ่อบางบ้านที่หวงลูกสาวมาก จนปิดกั้นอิสระไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะกับเรื่องการแสดงออกทางเพศ จนทำให้ลูกยิ่งรู้สึกว่าไม่สามารถพูดคุยเรื่องแฟน หรือความสัมพันธ์ได้อย่างตรงไปตรงมาได้ และอาจนำไปสู่ปัญหาได้ ซึ่งก็ต้องดูว่า แม้พ่อบางคนที่คิดว่าตัวเองสนิทกับลูกก็จริง เลี้ยงลูกมากับมือก็จริง หากยังติดหล่มเรื่องของกรอบทางเพศอยู่ ความสนิทสนมนั้นก็อาจไม่ได้นำพาให้ลูก ‘กล้า’ ที่จะคุยกับพ่อในบางเรื่องได้อยู่ดี

เรามีตัวอย่างเพื่อนผู้หญิง ที่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อคนละแบบ คนหนึ่ง พ่อของเธอ เปิดกว้างเรื่องเพศ สามารถให้เธอพูดคุยเรื่องเซ็กซ์กับพ่อได้ตรงๆ และพ่อก็แนะนำให้เธอพกถุงยางอนามัยติดตัวไว้ และบอกวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยเสร็จสรรพ เพราะพ่อของเธอคิดว่า การห้าม ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง และลูกของเขาก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ซึ่งนี่ถือเป็นการเปิดบทสนทนาที่ดี ที่คนเป็นลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดหรือบอกเรื่องราวของตัวเองให้พ่อฟังโดยไม่กลัวการถูกตัดสิน

ส่วนเพื่อนเราอีกคน เป็นผู้หญิงที่พ่อค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเป็นใยมากเป็นพิเศษ ห้ามกลับบ้านดึก ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว คอยโทรตามอยู่ตลอดเวลา ห้ามแต่งตัวโป๊ ปิดกั้นอิสระในการใช้ชีวิตโดยอ้างว่าเป็นห่วง ซึ่งนั่นก็สร้างความอึดอัดใจ และทำให้การใช้ชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับพ่อ จนทำให้หลายครั้ง เธอก็ต้องเลือกวิธีการโกหก เพื่อความสบายใจ ซึ่งนี่อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ตามมา เมื่อลูกไม่สามารถมีพื้นที่ปลอดภัยในบ้านได้

หรืออีกคนที่ให้ภาพชัดเจนว่า บางครั้งพ่อก็เข้าใจลูกสาวมากกว่าแม่ เพราะเพื่อนเราคนนี้ซึ่งเป็น LGBTQ+ มีพ่อที่พยายามเข้าใจเรื่องของตัวตนของลูก และยอมรับได้ในสิ่งที่ลูกเป็น ขณะเดียวกัน ฝั่งแม่ กลับยังพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า สักวันลูกจะกลับไปคบกับคนเพศตรงข้ามเหมือนเดิม กระทั่งมีความคิดว่า ที่ลูกเป็นแบบนี้ เพราะคบเพื่อนที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งถือเป็นความคิดที่ทำให้ส่งผลต่อสุขภาพจิตของลูกอย่างมาก และทำให้ความรู้สึกอยากจะพูดคุยกับคนในบ้าน เหลืออยู่น้อยนิด

Amelia Flynn นักบำบัดด้านการแต่งงานและครอบครัว กล่าวว่า การมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกของพ่อสามารถ “ส่งผลในเชิงบวกต่อความมั่นใจในตัวเอง การนับถือตัวเอง ความขัดแย้งในตัวเอง และวิธีที่ใช้มองตัวเองได้” เธอยกตัวอย่างว่า “พ่อที่เปิดกว้างในการสื่อสารกับลูกสาวในเรื่องของพาร์ตเนอร์ เซ็กซ์ หรือความสัมพันธ์โรแมนติก เราเห็นผลกระทบเชิงบวกต่อการเลือกคนรักของลูกสาวในแง่ของความคาดหวังในความสัมพันธ์ และลักษณะของคนรัก”

“ที่ผ่านมา งานวิจัยอาจจะมุ่งเน้นไปที่แม่ แต่เรากำลังจะหลุดพ้นจากไอเดียที่แม่ควรมีหน้าที่เลี้ยงลูกที่สำคัญที่สุด ไปสู่การมี Girl Dad ที่พ่อสามารถมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกได้” เธอกล่าว

จะเห็นได้ว่า ที่เราพูดมาทั้งหมดจริงๆ ไม่ได้จำกัดแค่ ‘พ่อ’ แต่ ‘แม่’ เอง หากมอบความรัก และพร้อมรับฟังลูกๆ โดยให้เขามีอิสระในการเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ลูกๆ ก็จะกล้าที่จะพูดกับคนในครอบครัวมากขึ้น กลับกัน หากผู้ปกครองที่มีความห่วงลูกเกินไป จนกลายเป็นความท็อกซิก ที่ปิดกั้นอิสระทางความคิดของลูก ก็นับเป็นเรื่องน่าระมัดระวัง ที่อาจสั่นคลอนความมั่นคงในครอบครัวไปได้เช่นกัน

อ้างอิง:

https://www.parents.com/dad-gang-founder-being-a-girl-dad-means-fighting-misogynoir-7182271

https://www.newsweek.com/power-girl-dad-opinion-1596063

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...