แนะประชาธิปัตย์ถอนตัว วางยุทธศาสตร์ให้ชัด ก่อนหายไปจากสารบบ
แนะประชาธิปัตย์ถอนตัว แค่ต้องวางยุทธศาสตร์พรรคให้ชัดเจน ก่อนหายไปจากสารบบ
“นิพนธ์ บุญญามณี” อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในยุคก่อน กล่าวบนเวทีเสวนา “อนาคตการเมืองภาคใต้ หลังพรรคกล้าธรรมปักธงเขต 8 นครศรีฯ เรียกร้องให้กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์พิจารณาถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล”
เวทีนี้เปิดโอกาสให้ผู้ฟังพูดและตั้งคำถาม จึงมีคำถามที่แหลมคมไปยังนิพนธ์ว่า จะฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ เรียกศรัทธาคืนมาอย่างไร แม้จะเป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะนิพนธ์ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ ทำได้แค่แนะนำให้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
หลังคลิปลับการสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร กับ อดีตนายกฯ ฮุนเซนของกัมพูชาหลุดออกมา พร้อมกับคำดูหมิ่นดูแคลนจาก ”ฮุน มาแณต“ นายกฯกัมพูชา ไม่มียุคสมัยใดที่ไทยกลัวกัมพูชาเท่ายุคนี้ อันเป็นประโยคที่ผู้นำประเทศต้องหน้าชา ทหารก็มือเท้าสั่น
พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกที่หน้าบาง จากแรงกดดันหลายด้านตัดสินใจทิ้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง “อนุทิน ชาญวีระกูล” เก็บข้าวเก็บของออกจากมหาดไทย ทำเนียบรัฐบาล และน่าจะมีแอคชั่นต่อด้วยการลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาของ “ภราดร ปริศนานันทกุล”
มีกระแสเรียกร้องอีกมากมายตามมา “ยุบสภา-ลาออก” ยุบสภาในสถานการณ์ตกต่ำคงไม่มีแกนนำรัฐบาลไหนทำ ลาออกก็คิดหนัก จะเอาใครมาเป็นนายกฯ คนต่อไป พรรคเพื่อไทยได้ใช้ไปแล้วสองตัวเหลือ “ชัยเกษม นิติสิริ” อยู่เพียงคนเดียวในบัญชีนายกรัฐมนตรี หันซ้ายมองขวา ก็มีแต่คนพรรคอื่น
พรรคภูมิใจไทยตัดสินใจนำร่อง เรียกคะแนนนิยมไปก่อนแล้ว “ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล” เหลือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคกล้าธรรม จะมีทีท่าอย่างไรต่อไป
เมื่อวานนี้ (18 มิถุนายน 2568) เวลา 11:00 น. พรรครวมไทยสร้างชาติประชุมกำหนดท่าที 17:00 น. พรรคประชาธิปัตย์ประชุมปกติ แต่น่าจะมีประเด็นการกำหนดท่าทีแทรกเข้ามาเพิ่ม
ถ้าพิจารณาตามคำเรียกร้องของนิพนธ์ให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลมีประเด็นพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสีย หาก “ถอนตัว” ตอนนี้ เท่ากับเดิมพันครั้งใหญ่!
ข้อดี
1. ฟื้นภาพลักษณ์พรรคอุดมการณ์ ประชาธิปัตย์จะถูกมองว่า “กล้าพอ” ที่จะไม่ทนอยู่ในรัฐบาลที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ได้คะแนนนิยมจากกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจรัฐบาล
2. ไม่ต้องเป็นเงาของเพื่อไทย (ทักษิณ) ในฐานะพรรคร่วมเสียงข้างน้อย ประชาธิปัตย์ไม่มีอำนาจจริง และภาพลักษณ์ก็จมไปกับการบริหารของเพื่อไทยภายใต้การกำกับของทักษิณ
3. มีโอกาส“นิยามตัวเองใหม่” ถอนตัวตอนนี้ เท่ากับเปิดทางรื้อโครงสร้างพรรค ดึงคนรุ่นใหม่ ปั้นจุดยืนใหม่ทันก่อนเลือกตั้งหน้า
ข้อเสีย
1. สูญเสียตำแหน่งรัฐมนตรี อำนาจบริหารที่ไม่มีใครอยากสูญเสีย คนในพรรคบางกลุ่มอาจไม่ยอม เพราะเกี่ยวข้องกับอำนาจและผลประโยชน์
2. ถ้าไม่ชัดว่าจะยืนตรงไหนต่อ อาจไร้พลัง ถ้าถอนแต่ “ไม่มีจุดยืน” ที่ชัด (จะค้าน? จะตั้งพรรคใหม่? จะจับมือกับใคร?) ประชาชนอาจมองว่าแค่โหนกระแส
3.เสี่ยง “หลุดจากสารบบ” ทันที ถ้าถอนตัวแล้วประชาชนยังไม่เห็นความแตกต่างจากพรรคอื่น อาจไม่มีใครให้โอกาสอีก
ถ้าพิจารณาในเชิงยุทธศาสตร์ ประชาธิปัตย์ถอนตัวได้ ถ้าคิดวางยุทธศาสตร์ วางโครงสร้างพรรคใหม่ไป พร้อมกัน!
ประชาธิปัตย์ควร “ถอนตัวจากรัฐบาล” เฉพาะเมื่อมีการเตรียมพร้อมด้านยุทธศาสตร์ เช่น เปิดตัวผู้นำใหม่อย่างชัดเจนเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของพรรค มีแนวร่วมใหม่ เช่น นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ ฯลฯ และอธิบายให้ประชาชนเห็นว่า“นี่ไม่ใช่แค่การถอนตัว แต่เป็นการปฏิรูปพรรค ฟื้นพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออนาคตประเทศ”
ถ้า “ถอนตัวอย่างกล้าหาญ และวางหมากล่วงหน้าได้” จะเป็นจุดเปลี่ยนของพรรคที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี แต่ถ้า “ถอนเพราะแค่ตามภูมิใจไทย” โดยไม่มีวิสัยทัศน์ต่อจากนั้น อาจกลายเป็นพรรคที่หายไปจากการเมืองไทยเลยก็ได้
กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ต้องตัดสินใจบนพื้นฐานผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน แล้วจะเห็นทางออก ทางเดินของพรรค
#นายหัวไทร
#ประชาธิปัตย์
#พรรคร่วมรัฐบาล