"สน.บางซื่อ" ประชุมเร่งรัด ปม ตึก ‘สตง.ถล่ม’ เร่ง ติดตามเอกสารชุดในการแก้แบบที่พบความผิดปกติ
"สน.บางซื่อ" ประชุมเร่งรัด ปม ตึก ‘สตง.ถล่ม’ เร่ง ติดตามเอกสารชุดในการแก้แบบที่พบความผิดปกติ ในการแก้แบบครั้งที่ 4 กับ 6 เตรียมเรียก 40 วิศวกร เข้าสอบปากคำ โดยมีสน.บางซื่อร่วมสอบ
เวลา 13.00น. วันที่ 28 เม.ย. 2568 ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ภายหลังพลตำรวจตรีสมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพลตำรวจตรีเจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ร่วมกันประชุมถึงแนวทางการดำเนินคดีเหตุที่เกี่ยวข้องกับตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่มที่ สน.บางซื่อ โดยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ขณะที่ พ.ต.อ.ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 รายงานจากที่ประชุมวันนี้ ว่า ในช่วงเวลา 09.00 น. คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมหารือเกี่ยวกับการร่วมปฏิบัติการกับทางดีเอสไอ เรื่องของการอายัดตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 24 ตู้ เพื่อตรวจสอบหาพยานหลักฐานว่า มีส่วนไหนเป็นอย่างไร มีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง ส่วนตู้ไหนที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็จะส่งกลับคืนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนข้อมูลในตู้คอนเทนเนอร์ คาดว่าน่าจะมีเอกสารในการก่อสร้างตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ รวมไปถึงข้อมูลของบริษัทซัพต่างๆ ซึ่งการทำงานในแต่ละวัน ก็จะมีรายละเอียดในส่วนต่างๆ อยู่แล้ว โดยคณะพนักงานสอบสวนจะนำทุกอย่างมาประกอบเข้าในสำนวนคดี พร้อมยืนยันว่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ได้ถูกขนย้ายออกไปไหนแน่นอน เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สอดส่อง และดูแลอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย หลังก่อนหน้านี้มีการจับกุมและดำเนินคดีกับกลุ่มชาวจีนที่ได้ลักลอบเข้าไปขนเอกสารออกมาแล้ว
ในประเด็นที่ผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ได้เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ และได้เข้าแจ้งความเอาผิดกับบริษัท PKW เรื่องของการใช้ชื่อบุคคล ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องหรือการปลอมแปลงรายชื่อในชิ้นงานที่แก้ไข และเสนอให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่นั้น ได้มีการประสานไปที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่แล้ว อยู่ระหว่างการรอต้นฉบับตัวจริงส่งกลับมา แต่เบื้องต้นก็ได้รับเอกสารมาบางส่วน
ขณะที่ในส่วนของประเด็นคืบหน้าการสอบสวนการปลอมแปลงลายเซ็นของวิศวกรในการแก้แบบก่อสร้างปล่องลิฟท์นั้น คณะพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงาน กิจการร่วมค้า PKW ไปครบถ้วนแล้ว ไม่มีอะไรต้องสอบปากคำเพิ่มเติม เหลือเพียงนำเอกสารมาเทียบเคียง และส่งให้กับทางสภาวิศวกรแห่งประเทศไทยตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่นายพิมล มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการออกแบบตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่นั้น ได้เข้ามาให้การกับตำรวจเมื่อวันที่ 22 เมษายนแล้ว เบื้องต้นพบความเกี่ยวข้องในฐานะที่ปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบ และได้ค่าจ้างเพียงงวดเดียว ส่วนการดำเนินการเป็นของวิศวกรเป็นหลัก
สำหรับเอกสารในการแก้แบบที่ดีเอสไอพบความผิดปกติ ในการแก้แบบครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 นั้น คณะพนักงานสอบสวนจะต้องเร่งติดตามเอกสารชุดนี้ มาประกอบการพิจารณา แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการแก้แบบที่ปล่องลิฟท์ ซึ่งเป็นเอกสารชุดที่นายสมเกียรติ อ้างว่าถูกปลอมแปลงลายเซ็นในการเซ็นรับรองเอกสารดังกล่าว
นอกจากนี้ประเด็นของนายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท พีเอ็นซิงค์โครไนซ์ จำกัด 1 ในกิจการร่วมค้า PKW ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ จ้างควบคุมงานก่อสร้างนั้น ทราบว่า เจ้าตัวได้เดินทางเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ส่วนรายละเอียดเรื่องการนำเอกสารมาให้กับพนักงานสอบสวนนั้น ขอให้อยู่ในสำนวนคดี
อย่างไรก็ตามการเก็บพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นเศษปูน เศษเหล็กในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้มีการส่งไปตรวจแล้ว 2 ล็อต แต่ผลยังไม่ออก และขณะนี้อยู่ระหว่างส่งไปตรวจเพิ่มในล็อตที่ 3
ทั้งนี้เรื่องของการออกหมายจับหรือหมายเรียกนั้น ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ดีเอสไอ จะมีการเรียกสอบปากคำวิศวกรทั้งหมด 40 คน โดยจะเริ่มทยอยสอบปากคำในพรุ่งนี้ เป็นต้นไป ซึ่งทางคณะพนักงานสอบสวนสน.บางซื่อ จะเข้าไปร่วมสอบปากคำด้วย