โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ศึกค้าปลีกน้ำมัน ‘OR vs PTG’ ใครคือผู้ชนะในปี 2568

The Bangkok Insight

อัพเดต 26 มี.ค. เวลา 16.33 น. • เผยแพร่ 26 มี.ค. เวลา 17.19 น. • The Bangkok Insight

ส่องศึกค้าปลีกน้ำมัน "OR vs PTG" ใครคือผู้ชนะใน ปี 2568 ใครมีจุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

หากพูดถึงธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทย ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันที่สูงในปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ แต่ก็มีผู้เล่นในตลาดนี้ไม่น้อย ทั้งกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ รวมถึงผู้เล่น Global Brand จากต่างชาติ

อย่างไรก็ดี หากเจาะลึกไปที่ผู้เล่นในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เราจะพบกับ 2 บริษัท ที่มีโมเดลสร้างการเติบโตคล้าย ๆ กัน และเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจมากทีเดียว นั่นคือ 1. OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และ 2. PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)

สำหรับ OR นั้นเติบโตมาจากการเป็นบริษัทในเครือของ ปตท. แยกตัวออกมาเพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกน้ำมันภายใต้แบรนด์ PTT Station รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ เช่น ร้านกาแฟ Café Amazon และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ถือเป็นผู้นำตลาดที่มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วประเทศมากที่สุด พร้อมทั้งมีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย

ค้าปลีกน้ำมัน

ขณะที่ PTG เป็นผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ PT เน้นการรุกขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเน้นในพื้นที่ต่างจังหวัด ก่อนที่รุกคืบเข้ามาในกรุงเพทฯ มากขึ้น นอกจากนี้ PTG ยังมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ Non-Oil เช่น ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมัน

วันนี้เราจึงอยากจะพานักลงทุนมาเปรียบเทียบกับอีกสักยกว่าระหว่างหุ้น OR กับ PTG ใครน่าสนใจกว่ากัน มีจุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกันอย่างไรบ้าง สรุปมาจากมุมมองการลงทุนของบทวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย ณ วันที่ 20 มีนาคม 2568

OR พายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมเดินหน้าขยายตลาด

OR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ระดับ 3,000 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,456% YoY และเพิ่มขึ้น 286% QoQ สอดคล้องกับประมาณการของนักวิเคราะห์ แต่สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดอยู่ 9%

กลยุทธ์ในปี 2568 บริษัทจะมุ่งฟื้นส่วนแบ่งการตลาด ขยายสาขาต่อเนื่อง และควบคุมค่าใช้จ่าย โดยแนวโน้มปีนี้คาดว่าจะมีกำไรดีขึ้นจากอัตรากำไรน้ำมันที่สูงขึ้น และต้นทุนที่ลดลง จึงถือว่า OR เริ่มฟื้นตัวหลังจากช่วงที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนน้ำมันที่ผันผวน โดยการขยายสถานีบริการและการพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดถือเป็นกลยุทธ์สำคัญ อย่างไรก็ตาม OR ยังต้องเผชิญการแข่งขันสูง และต้องจับตาดูว่าการบริหารต้นทุนจะมีประสิทธิภาพหรือไม่

ค้าปลีกน้ำมัน

แนะนำ “ซื้อ” หุ้น OR ราคาเป้าหมาย 14.30 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมีความพยายามที่จะฟื้นส่วนแบ่งตลาดในปี 2568

PTG มุ่งเน้นธุรกิจ Non-Oil ลดการพึ่งพาน้ำมัน

PTG รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ระดับ 228 ล้านบาท ลดลง 57.4% YoY แต่เพิ่มขึ้น 226% QoQ ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ประมาณ 8%

กลยุทธ์ปี 2568 บริษัทจะร่งขยายธุรกิจ Non-Oil เช่น ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และธุรกิจโลจิสติกส์ คาดกำไรเพิ่มขึ้น 21% จากต้นทุนที่ลดลง และการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มมูลค่าในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอาจเป็นความท้าทาย และต้องติดตามว่า PTG จะสามารถสร้างการเติบโตที่มั่นคงได้หรือไม่

แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTG ราคาเป้าหมาย 8.50 บาทต่อหุ้น จากอัตรากำไรที่คาดว่าจะสูงขึ้นจะช่วยหนุนกำไรปี 2568 ปรับขึ้น 21% และราคาหุ้นขณะนี้เท่ากับ PEG ที่ 0.5 เท่า

สรุปแล้วหากพิจารณาจากผลประกอบการ OR ดูมีเสถียรภาพมากกว่า และกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีกว่า ในขณะที่ PTG มีศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจ Non-Oil ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แต่ยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ผลลัพธ์

ค้าปลีกน้ำมัน

ดังนั้น หากมองหาหุ้นที่ฟื้นตัวเร็ว และมีการขยายตัวต่อเนื่อง OR เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากมองหาหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจใหม่ PTG อาจมีโอกาสสร้างมูลค่าในระยะยาว ซึ่งการเลือกลงทุนขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของนักลงทุนเองว่าให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวของกำไรในระยะสั้น หรือการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

โดย PTG ทำธุรกิจประกอบด้วย 8 กลุ่มธุรกิจ

1. กลุ่มธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง (ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและธุรกิจเริ่มแรกของบริษัท) และธุรกิจค้าปลีก

2. กลุ่มธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG

3. กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนและการลงทุน

4.กลุ่มธุรกิจขนส่ง

5. กลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการระบบ

6.กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

7.กลุ่มธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์

8. กลุ่มธุรกิจบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...