วิจัยชี้ผู้ป่วยโควิด-19 ใน ICU เสี่ยง ‘หัวใจเต้นผิดจังหวะ’ สูงกว่าผู้ติดเชื้อในรพ. รายอื่น 10 เท่า
(ซินหัว) - การศึกษาล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (22 มิ.ย.) ระบุว่าผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งเข้ารักษาตัวในหอผู้ป่วยหนักหรือแผนกไอซียู มีแนวโน้มประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สูงกว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รับการรักษาในโรงพยาบาลรายอื่นมากถึง 10 เท่า
นักวิจัยจากสถาบันการแพทย์เพเรลมานแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ทำการประเมินผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 700 รายที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยฯ ช่วงต้นเดือนมีนาคม-กลางเดือนพฤษภาคม เพื่อตรวจดูความเสี่ยงและอุบัติการณ์ของภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รับการรักษาในโรงพยาบาล
พวกเขาพบกรณีหัวใจเต้นผิดจังหวะรวม 53 ครั้ง โดยผู้ป่วย 9 รายมีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ผู้ป่วย 25 รายมีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วและต้องได้รับการรักษา ผู้ป่วย 9 รายมีภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ป่วยอีก 10 รายประสบภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะแบบที่เกิดขึ้นติดต่อกันน้อยกว่า 30 วินาที (non-sustained ventricular tachycardia)
นอกจากนี้ ในจำนวนผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลทั้งหมด 700 ราย มีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 11 เข้ารักษาตัวในหอผู้ป่วยหนัก โดยนอกจากผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวแล้ว ไม่มีผู้ป่วยรายอื่นที่ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันอีก
การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารฮาร์ต รีธึม เจอร์นัล (Heart Rhythm Journal) ระบุว่าหลังจากควบคุมปัจจัยทางประชากรและทางคลินิกพื้นฐานแล้ว นักวิจัยพบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่รักษาตัวในหอผู้ป่วยหนัก มีแนวโน้มประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สูงกว่าผู้ป่วยในโรงพยาบาลรายอื่น
การค้นพบข้างต้นช่วยให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับบทบาทของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และโรคโควิด-19 ที่มีต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาทิ อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ จังหวะการเต้นของหัวใจช้าหรือเร็วและหยุดภายใน 30 วินาที
ราจัต ดีโอ (Rajat Deo) นักวิจัยอาวุโสและผู้เขียนงานวิจัยหลัก ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ และรองศาสตราจารย์ด้านหัวใจและหลอดเลือดประจำมหาวิทยาลัยฯ เผยว่า “จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินว่าภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในระยะยาวหรือไม่”
ดีโอระบุเพิ่มเติมว่า “ขณะเดียวกัน สิ่งสำคัญคือเราต้องริเริ่มการศึกษาเพื่อประเมินกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุดสำหรับป้องกันการแข็งตัวของเลือดและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจของประชากรกลุ่มนี้ในระยะยาว”
ที่มา : สำนักข่าวซินหัว www.xinhuathai.com