โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

7 ด้านมืดที่ทำให้รู้ว่า..ไม่มีรักอาจดีซะกว่า - ฟาร์มรัก

LINE TODAY

เผยแพร่ 13 ต.ค. 2562 เวลา 17.10 น. • Pimpayod
| ฟาร์มรัก | พื้นที่แบ่งปันเรื่องราวความรักในมุมมองของคนที่ไม่อยากเจ็บปวดเพราะรัก แต่จะรักยังไงให้ไม่เจ็บ..มาเข้าใจความรักในมุมที่ไม่ทำให้ต้องทุกข์จากฟาร์มรักแห่งนี้ด้วยกัน เพราะเราเข้าใจดีว่าไม่มีใครอยู่บนโลกนี้โดยปราศจากความรัก และไม่มีใคร ไม่เคยเป็นทุกข์เพราะรัก

ขึ้นชื่อว่าความรักก็มักจะนำพาความสุข รอยยิ้ม และความสมหวังมาให้ แต่นั่นเป็นแค่ด้านเดียวของความรักที่ใครหลายคนเห็นและอยากให้เป็นเท่านั้น

จริง ๆ แล้ว ความรักก็มีมุมมืดที่ทำให้เจ็บปวด ผิดหวัง เป็นทุกข์ด้วยเหมือนกัน เรียกว่าเป็นอีกมุมที่ใคร ๆ ก็รู้ แต่ไม่ค่อยอยากจะทำความเข้าใจกันซักเท่าไหร่ และทั้ง 7 ด้านมืดของความรักที่ว่านี้แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ยังไงมันก็คือเรื่องจริงที่เราต้องเข้าใจในทุกมุมมอง !

1. รักคือทุกข์ 

เมื่อรักแล้ว สิ่งที่มาพร้อมกันเสมอก็คือความทุกข์ ไม่มีทางเลยที่รักแล้วจะไม่ทุกข์ เพราะที่ใดมีรัก ที่นั่นก็มีทุกข์

เหตุที่คนเราทุกข์ก็เพราะคาดหวังไปต่าง ๆ นานา หวังว่าจะรักไปตลอด หวังว่าอีกคนจะไม่นอกลู่นอกทาง หวังจะได้รับความรักเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งที่มาพร้อมกับความคาดหวังเหล่านี้ ก็คือความผิดหวัง

พอผิดหวังก็ทำให้ทุกข์ เป็นวงจรความรักในอีกรูปแบบหนึ่งที่ทุกคนต้องเจอ เพราะไม่มีใครที่มีรักได้ โดยไม่คาดหวัง แม้แต่พ่อแม่ที่เป็นรักอันบริสุทธิ์ก็ยังหยุดไม่ได้ที่คาดหวังกับลูก ดังนั้นเมื่อเริ่มต้นที่จะรัก ก็ต้องรู้จักความทุกข์ รู้ว่ารักแล้วยังไงก็ต้องทุกข์ ต้องเจ็บปวดเข้าสักวันอย่างแน่นอน

2. ความรักทำให้คนตาบอด 

ในพระราชนิพนธ์เรื่อง “มัธนะพาธา” ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่พระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อสอนให้รู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากความรักและรู้ถึงโทษของความรัก ซึ่งมีฉันท์บทหนึ่งที่น่าจะคุ้นหูกันดี

ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปะสัคคะใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดออกจากคอกไป บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ หวนคิดถึงเจ็บกาย

ฉันท์บทนี้เล่าถึงความรักที่ทำให้คนตาบอด แม้จะมีอุปสรรคอะไรก็ไม่อาจจะขวางกั้นได้ ก็เหมือนวัวที่มีกำลังมากแต่โดนขังอยู่ในคอกที่แม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็จะต้องออกจากคอกไปให้ได้

เพราะคนเราเวลามีความรัก ความสามารถในการมองอะไรรอบด้านก็จะค่อย ๆ หายไป มองเห็นแต่ในสิ่งที่เราอยากจะเห็น ทำให้มีอคติ สูญเสียความเป็นตัวเองจนไร้สติ ขาดเหตุผล ใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง พูดก็ไม่เชื่อ สุดท้ายความที่ตามืดบอดเพราะไม่เคยยอมรับความจริงเลยนี่แหละที่ย้อนกลับมาทำร้ายเราเอง

แต่ไม่เฉพาะแค่ความรักเท่านั้น ความเกลียดเองก็ทำให้คนเราตาบอดได้เหมือนกัน เพราะความรักทำให้เรามองไม่เห็นข้อเสียของเขา ส่วนความเกลียดก็ทำให้เรามองไม่เห็นข้อดีของเขาเช่นกัน

3. ยิ่งรัก ยิ่งอยากครอบครอง 

ไม่ผิดที่ความรักจะทำให้เราอยากเป็นเจ้าของคน ๆ นั้น แต่เพราะความอยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของนี่แหละที่ทำให้ปลายทางของความรักไม่ใช่ความสุขอีกต่อไป

ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราอยากจะเป็นเจ้าของจนลืมไปว่าคน ๆ นั้น ไม่ใช่สิ่งของที่เราจะยึดเอามาเป็นของเราได้ อันที่จริงเราไม่อาจเป็นเจ้าของสิ่งใดหรืออะไรใด ๆ บนโลกนี้เลย แม้แต่ร่างกายของเราเอง เราก็แค่หยิบยืมมา เมื่อถึงเวลาก็ต้องคืนให้แก่โลกและธรรมชาติไป

ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืนจนเราสามารถยึดถือเป็นเจ้าของได้ ความรักก็เช่นกัน

4. ต้องมีคนหนึ่งที่รักมากกว่าเสมอ 

ไม่มีทฤษฎีความรักใด ๆ ที่บอกว่าความรักของคนสองคนจะต้องมีปริมาณเท่ากัน หรือรักไปเท่าไหร่ก็ต้องได้กลับมาเท่านั้น ความรักไม่มีมาตรวัด ไม่มีเครื่องชั่ง และบางครั้งก็ไม่มีเหตุผล

ดังนั้นจึงมีประโยคที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า “คนที่รักมากกว่า ก็ต้องเจ็บมากกว่า” ซึ่งเหมือนจะเป็นกฎของความรักที่แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ยังไงผลลัพธ์มันก็ออกมาอย่างนั้นอยู่ดี

เพราะคนที่รักมากกว่า จะทุ่มเทกว่า เอาใจใส่กว่า และคาดหวังกว่า สุดท้ายถ้าไม่เป็นไปตามที่หวังก็ทำให้เจ็บปวดเจียนตาย หรือจะเรียกว่าฆ่ากันทางอ้อมก็ได้ แต่ยังไงมันก็คือเรื่องจริง !

5. เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน 

ไม่มีอะไรเป็นเหมือนเดิมตลอดไป ทุกอย่างบนโลกย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ความรักก็เช่นกัน ถึงจะรักกันแค่ไหน แต่เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน

ไม่ใช่แต่เขาที่อาจจะเปลี่ยนไป เราเองก็สิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน เพราะ ‘ใจคน’ เป็นสิ่งที่เกินจะคาดเดา ดังนั้นหน้าที่ของเราก็คือมีความสุขกับปัจจุบัน เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ต่อให้รักให้ตาย ยังไงก็ไม่เหมือนเดิม

6. ไม่ได้รักแต่แค่หลง 

บางคนแยกไม่ออกว่าระหว่าง ‘ความรัก’ กับ ‘ความหลง’ ทำให้แทนที่จะรักกันยืดยาวกลับใช้เวลาแค่แป๊บเดียวก็เลิกหลงและแยกทาง

พูดง่าย ๆ ก็คือความรักมีอายุที่ยืนยาวกว่าความหลง

ความหลงคือโมหะ คือความไม่รู้ตามที่เป็นจริง ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์ และอย่างที่บอกว่าความหลงนี้มักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน สุดท้ายเมื่อความหลงหมดไป ก็กลายเป็นความมืดมน หลงผิด จนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายต้องเป็นทุกข์

7. ไม่ใคร ก็ใครที่หมดรักก่อน 

ความรักเพียงอย่างเดียวไม่ได้สวยงาม ยั่งยืน และมั่นคงอย่างที่หลายคนเข้าใจ

ความรักประกอบไปด้วยองค์ประกอบมากมายจนบางทีเราเองก็นึกไม่ถึง ทั้งความซื่อสัตย์ ความอดทน ความเชื่อใจ ความเข้าใจ ฯลฯ แถมเดี๋ยวนี้ยังต้องเพิ่มปัจจัยอย่างสถานะทางครอบครัว หน้าที่การงาน และสถานะทางการเงินเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญอีกต่างหาก

นานวันเข้า.สุดท้ายไม่คนใดคนหนึ่งก็ต้องหมดรักก่อน เพราะตัวแปรเหล่านี้จะค่อย ๆ ทำให้ความรักจืดจางและหายไป

ทั้ง 7 ด้านมืดที่บอกมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าความรักเป็นสิ่งน่ากลัวหรืออยู่คนเดียวดีกว่า แต่ความรักเป็นเรื่องที่ต้องใช้ใจในการเรียนรู้มันไปเรื่อย ๆ ไม่มีถูก-ผิด ไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะรักของเรา ก็คือในแบบของเรา จะรักไปทุกข์ไป หรือรักไปเจ็บตัวไป ยังไงก็เป็นความรักของเรา ตราบเท่าที่เรายังรัก ในความทุกข์ก็ยังมีความสุขซ่อนอยู่.. 

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...