กัมพูชาเตรียมรบขั้นสูงสุด! เคลื่อนย้าย ‘จรวด’ ประชิดชายแดนไทย
'กองทัพภาค 2' เผยกัมพูชาเตรียมรบขั้นสูงสุด เคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง ประชิดชายแดนไทย เล็งเป้าห่างจากสนามบินบุรีรัมย์ 13 กม.
8 ธ.ค. 2568 - ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 05.00 น.
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอชี้แจงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ฝ่ายไทย
-เวลา 22.00 น. ในพื้นที่ช่องคะนา และช่องระยี ตรวจพบการเคลื่อนย้าย ถ. T - 55 ของฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย รวมทั้งการอพยพ ประชาชนกัมพูชา ออกจากแนวชายแดน
-เวลา 23.00 น. ทหารกัมพูชามีการเตรียมความพร้อมสู้รบขั้นสูงสุด จากกรณีปะทะที่พลาญหินแปดก้อน และยังเตรียมความพร้อมรบตลอดแนวชายแดน มีการสร้างที่กำบังเพิ่มเติม, เสริมความแข็งแรงที่มั่น, ค้นหาวัตถุระเบิดในพื้นที่รับผิดชอบ, ลำเลียงกับระเบิดเก็บในที่กำบัง, ปิดโทรศัพท์มือถือ และเตรียมการต้อนรับผู้บังคับบัญชาที่จะเข้ามาบัญชาการรบ รวมทั้งยังเฝ้าตรวจการปฏิบัติของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้รถถัง, Drone และการทำถนนบริเวณหน้าแนว
-เวลา 00.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และช่องอานม้า ตรวจพบการเคลื่อนย้าย จลก. RM – 70 ของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร รวมทั้งการอพยพประชาชนกัมพูชาออกจากแนวชายแดน
-เวลา 01.00 น. ในพื้นที่ช่องจอม และช่องเสม็ด ตรวจพบการเคลื่อนย้าย จลก. BM.- 21 และ Type – 90 B ของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย รวมทั้งการอพยพประชาชนกัมพูชาออกจากแนวชายแดน
-เวลา 03.25 น. ตรวจพบทหารกัมพูชาสั่งการให้กำหนดเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุน เล็งมาในพื้นที่ บ้านกะชายน้อย ตำบลปราสาท อำเภอบ้านด่าน ห่างจากท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ประมาณ 13 กิโลเมตร (กม.) และบ้านจรูกแขวะ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท สุรินทร์ ห่างจากชายแดน 31 กม.
กองทัพภาคที่ 2 จะดำเนินการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพิ่มระดับการเฝ้าระวัง และดำเนินการทุกมาตรการเพื่อปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนและอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มกำลัง
ขอความร่วมมือให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากหน่วยงานทางการเป็นหลัก และขอยืนยันว่ากองทัพภาคที่ 2 ยังคงปฏิบัติภารกิจในการดูแลพื้นที่ชายแดนด้วยความรอบคอบ เข้มแข็ง มุ่งมั่นรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ.