มนพร เผย บวท. ลุยศึกษาสนามบินฟูกูโอกะ ดันสนามบินภูเก็ต รองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น
มนพร เผย บวท. ลุยศึกษาสนามบินฟูกูโอกะ ดันสนามบินภูเก็ต รองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น จากเดิม 25 เที่ยวบินต่อชม. เป็น 35 เที่ยวบิน ภายในปี 2568
วันที่ 27 ก.พ. 2568 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่มอบหมายให้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เร่งขยายความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย บวท. ศึกษาแนวทางเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของสนามบินภูเก็ต ซึ่งเป็นสนามบินที่มีเที่ยวบินหนาแน่นเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ รองจากสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง มีความสามารถในการรองรับของทางวิ่ง 25 เที่ยวบิน/ชั่วโมง
นางมนพร กล่าวต่อว่า บวท.ได้เลือกสนามบินฟูกูโอกะ ซึ่งเป็นสนามบินหลักของภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นคู่เทียบและแบบอย่างสําหรับวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ หรือ Benchmark เพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ เนื่องจากมีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกับสนามบินภูเก็ตและสนามบินหลักของภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศไทย
นางมนพร กล่าวอีกว่า ฟูกูโอกะ เป็นเมืองสำคัญด้านเศรษฐกิจ การค้า มีความสวยงาม มีเสน่ห์ด้านท่องเที่ยว เราจะนำเทคโนโลยีคมนาคมขนส่งทางอากาศของสนามบินฟูกูโอกะ มาปรับใช้กับสนามบินภูเก็ต รวมถึงสนามบินอื่นๆ ให้มีคุณภาพ รองรับไฟลต์บิน รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งเพิ่มมากขึ้นหลังจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล พร้อมสร้างความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องความสะอาด การบริการ และการบริหารสนามบิน
นางมนพร กล่าวต่อว่า สนามบินฟูกูโอกะ เดิมเป็นสนามบินที่มีทางวิ่งเส้นเดียว (Single Runway) ที่มีความสามารถในการรองรับเที่ยวบินได้สูงที่สุดของญี่ปุ่น โดยรองรับได้ถึง 38 เที่ยวบิน/ชั่วโมง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 2 และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร
นางมนพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันปริมาณเที่ยวบินจากฟูกูโอกะมายังสนามบินในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง โดยมี 3 สายการบิน ซึ่งมีตารางการบินล่วงหน้า สำหรับเที่ยวบินขนส่งสินค้าและเที่ยวบินรับ-ส่งผู้โดยสาร ได้แก่ การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย และไทยเวียตเจ็ท
นางมนพร กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้เตรียมขยายตลาดทางการบินรองรับนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น ดังนั้น บวท. จำเป็นต้องศึกษาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเพิ่มศักยภาพและยกระดับการให้บริการการเดินอากาศ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างประโยชน์และสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้ประเทศชาติ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคต่อไป
ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ ประธานคณะกรรมการ บวท. กล่าวว่า สำหรับปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศ ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 - ม.ค. 2568 (4 เดือน) มีปริมาณเที่ยวบินรวม 165,474 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น มีปริมาณเที่ยวบินรวม 7,588 เที่ยวบิน คิดเป็น 5% ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด
นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า ประเทศญี่ปุ่น อยู่อันดับที่ 7 ที่ทำการบินเข้า/ออกประเทศไทยสูงสุด ณ ปัจจุบัน ทำการบินเฉลี่ยประมาณวันละ 62 เที่ยวบิน สำหรับสถิติปริมาณเที่ยวบินระหว่างไทย-ฟูกูโอกะ ทำการบินเฉลี่ยวันละ 6 เที่ยวบิน คิดเป็นร้อยละ 10 ของเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น ทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้มีหลายสายการบินขอเพิ่มเที่ยวบินไปยังเมืองฟูกูโอกะ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ จึงทําให้มีความต้องการในการเดินทางทางอากาศเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมาก
นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า การศึกษาดูงานสนามบินฟูกูโอกะ ซึ่งมีปริมาณเที่ยวบินหนาแน่นเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศญี่ปุ่น ในครั้งนี้ บวท.จะนำรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการการจราจรทางอากาศ ทั้งลักษณะการบริหารจัดการห้วงอากาศ การบริหารจัดการลักษณะทางกายภาพของสนามบิน อาทิ ทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดอากาศยาน อาคารผู้โดยสาร และการบริหารจัดการการใช้งานทางวิ่ง ของสนามบินฟูกูโอกะ
เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุง แก้ไขรูปแบบ และแนวทางการบริหารจัดการการจราจรทางอากาศของสนามบินภูเก็ต และสนามบินภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงการวิเคราะห์หาค่าขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับของเที่ยวบินได้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด
นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากสนามบินภูเก็ตไม่สามารถขยายพื้นที่เพิ่มได้แล้ว จึงต้องมีการสร้างสนามบินอันดามันในพื้นที่ จ.พังงา เพื่อรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มมากขึ้น โดยจะเชื่อมระหว่างสนามบินภูเก็ต สนามบินกระบี่ และสนามบินระนอง
ขณะที่นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการศึกษาแนวทาง วิธีการบริหารจัดการ และข้อจำกัดด้านต่าง ๆ ของสนามบินฟูกูโอกะเปรียบเทียบกับสนามบินภูเก็ต พบว่าแนวทางการเพิ่มความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของสนามบินภูเก็ตนั้น จะต้องพิจารณา 3 ด้าน ดังนี้
1. ด้านการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ต้องเลือกใช้ทางวิ่งขึ้น-ลง ที่เหมาะสม และในการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ โดย บวท. ได้ดําเนินโครงการ High Intensity Runway Operation (HIRO) ณ สนามบินภูเก็ต เพื่อลดระยะการครองทางวิ่ง (Runway Occupancy Time (ROT)) ทําให้การจัดระยะห่างลดลง จะทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น
2. ด้านลักษณะทางกายภาพของสนามบิน ต้องพิจารณาลักษณะทางกายภาพของ Rapid Exit Taxiway (RET) ให้มีระยะทางที่เหมาะสม และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ จะทําให้อากาศยานใช้ระยะเวลาในการครองทางวิ่งน้อยลง สามารถลดระยะห่างของอากาศยานลดลง และสามารถรองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น
3. ด้านกระบวนการตัดสินใจร่วมกันของผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการ และผู้ดำเนินงานสนามบิน หรือ Airport Collaborative Decision Making (A-CDM) และการบูรณาการร่วมกับระบบบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Flow Management : ATFM) หรือ ATFM – ACDM Integration ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการในภาพรวมของสนามบินเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บวท. ยังมีแผนในการนําระบบติดตามอากาศยานภาคพื้น Multilateration (MLAT) รวมทั้งระบบ Digital Tower มาใช้ในการจัดการจราจรทางอากาศ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการจราจรภายในพื้นที่สนามบินได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของสนามบินภูเก็ต ให้ได้ 35 เที่ยวบิน/ชั่วโมง ภายในปี 2568 และคาดว่าจะเพิ่มให้ได้ถึง 40 เที่ยวบิน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มนพร เผย บวท. ลุยศึกษาสนามบินฟูกูโอกะ ดันสนามบินภูเก็ต รองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th