โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

คุยกับ ดร.โสภณ พรโชคชัย “ไม่ได้เกลียดบิตคอยน์ แต่ไม่ได้ทำให้ใครรวยขึ้น”

TODAY

อัพเดต 10 ก.พ. เวลา 19.53 น. • เผยแพร่ 10 ก.พ. เวลา 12.53 น. • workpointTODAY

เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ยังไม่เงยหัว กรณีหนึ่งที่เห็นชัดคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอนนี้มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ลดมาอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 2565-2566 ที่มีโครงการเกิดใหม่ 1 แสนหน่วย แต่ปี 2567 ที่ผ่านมาเหลือแค่ 60,000 หน่วยเท่านั้น

ภาวะดังกล่าวสะท้อนว่า เศรษฐกิจไม่ดี เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีคนก็ไม่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ตามไปด้วย ลามมาถึงปี 2568

เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี จะเริ่มลงทุนอะไรดี ‘ดร.โสภณ พรโชคชัย’ ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัท เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ในฐานะผู้ประเมินค่าสินทรัพย์ มาพูดคุยในรายการ TOMORROW โดยทีมข่าว TODAYBizview แนะนำแนวทางส่วนตัวในการถือสินทรัพย์เวลานี้ (ในแบบของเขา) ว่า

“ถ้าเรามีเงินไม่กี่แสน เราก็ไปดาวน์บ้านได้ ไม่ต้องคิดไปลงทุนที่ยิ่งใหญ่เกินไป ถ้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เราต้องดูให้ดีๆ ว่าทรัพย์สินนั้นน่าลงทุนไหม”

ดร.โสภณ อธิบายว่า เริ่มต้นอาจไม่ต้องลงทุนอะไร ดูในหมู่บ้านจัดสรรของเรา หรือ คอนโด 3-4 ตึก แถวนั้นซื้อขายราคาเท่าไหร่ แล้วสุดท้ายเราเห็นว่ายูนิตนี้ขายถูกกว่าเพื่อน คุ้มค่าที่จะซื้อ เมื่อวันนั้นสะสมเงินได้แล้วค่อยมาซื้อก็ยังไม่สาย

[ การลงทุนอสังหา แม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่ราคาไม่ลด ]

ดร.โสภณ ให้ความเห็นว่า บางคนอาจจะบอกว่า รอไปซื้อบ้านร้อนถูกๆ ราคามันลด คือราคามันก็ไม่ลดหรอก แต่ถ้าเราซื้อบ้าน สามารถที่จะซื้อบ้านในเชิงเปรียบเทียบ และโครงการของเราถูกกว่าเพื่อนในแง่ที่ว่าคุ้มค่า ก็ซื้อได้เลย ไม่ต้องรอวันราคาลด

เพราะว่าราคาลดก็ต่อเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นมา ซึ่งภาวะขณะนี้ยังไม่น่าจะเห็นว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้ ดังนั้น ไม่ต้องรอ หรือสมมติว่าเราแต่งงานจะแยกครอบครัว ต้องการจะซื้อบ้านใหม่ใกล้ที่ทำงาน แล้วก็ศึกษาดูมา บางทีเราไปเจอบ้านมือ 2 ถูกกว่าบ้านมือหนึ่ง ประมาณ 30% แล้วก็อยู่ใกล้กว่ารู้ว่าแถวนี้น้ำไม่ท่วม หรือเพื่อนบ้านเป็นยังไงดีไม่ดี มีการบริหารทรัพย์สินที่ดีหรือไม่ ถ้าเราดูแล้วคุ้ม ซื้อได้เลย ไม่ต้องรั้งรอ

[ ลงทุนบิตคอยน์เสี่ยงสูง ]

แล้วถ้าจะลงทุนกับสินทรัพย์ยุคใหม่ อย่าง คริปโตเคอเรนซี – บิตคอยน์ ดร.โสภณ มองว่า ความเสี่ยงค่อนข้างสูง

แม้หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ จะส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ พุ่งนิวไฮต่อเนื่อง แต่มันก็มีแต่ราคา ถ้าถามกูรูบิตคอยน์ทั้งหลาย ไม่มีใครเดาถูกว่ามันจะขึ้นเมื่อไหร่ หรือ เมื่อไหร่จะลง บางคนบอกว่า 120,000 บางคนบอกเหลือแค่ 6 หมื่นแล้ว ก็พูดกันไปเรื่อย แต่ที่ยังเดาชัดเจนไม่ได้เพราะมีคนกำหนดอยู่เบื้องหลัง เชื่อว่าอย่างนั้น

เพราะคนส่วนน้อยนิดเดียวที่ครองอยู่เกิน 1 ล้านเหรียญ มีอยู่ 3 ราย ครองต่ำกว่า 1 แสนเหรียญ ก็อีกจำนวนหนึ่ง ต่ำกว่า 1 หมื่นเหรียญก็อีกจำนวนหนึ่ง รวมแล้ว 0.3% เท่านั้นเองที่ครองอยู่ถึง 60% ของบิตคอยน์ ดังนั้น คนพวกนี้จะกำหนดราคาต่างๆ ได้ แต่ชาวบ้าน ชาวช่องไม่รู้ด้วยก็ลมเพลมพัดไปเรื่อย อยากให้แมงเม่าได้ตาสว่าง

“คนเชียร์พวกนี้เยอะ แต่คนค้านไม่ค่อยกล้าค้าน เห็นหลายคนค้านเหมือนกันเรื่องบิตคอยน์ แต่พูด 2 ทีคนด่าไป อาจคิดว่าพูดไปสองไพรเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ส่วนมากจะเงียบ นักการเงินชั้นนำที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องบิตคอยน์ไม่กล้าพูดมีจำนวนมาก เพราะกลัวเปื้อน แต่ผมไม่กลัวเปื้อน ผมถือว่ามีคนค้านสักรายสองรายอย่างผม จะดิ้นตายให้รู้ไป”

“การลงทุนอะไรก็ตามต้องดูอัตราความเสี่ยง เช่น อัตราความเสี่ยงในการลงทุนในอพาร์ทเมนต์ ถือผลตอบแทนประมาณ 5% ต่อปี แต่ถ้าเกิดว่าเราลงทุนในโกดังให้เช่า 8-9% ต่อปี ถ้าเราลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ อาจจะ 70-80% ต่อปี ค่อนข้างที่จะเสียงสูง บางทีอาจจะเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ คือมีโอกาสเจ๊งไปเลยก็ได้”

“ดังนั้น ในแง่หนึ่ง ควรคิดไหมว่าเสียดายที่ไม่ได้ซื้อดีกว่าเสียดายที่ซื้อ อย่างเช่นตอนนี้คริปโตมันขึ้น ถ้าเราซื้อตอนนี้ เดี๋ยวมันลงไปนิดหน่อยก็อาจจะหน้ามืดได้แล้ว”

[เทียบบิตคอยน์ กับ ทอง ]

ดร.โสภณ มองว่า บิตคอยน์นี้มันอยู่มา 15 ปี แต่ทองคำมันอยู่มา 40,000 ปีแล้ว ดังนั้น ความเชื่อถืออาจจะแตกต่างกัน ทองคำก็จับต้องได้ แต่บิตคอยน์จับต้องไม่ได้ ตอนที่เกิดสงครามโลกขึ้นมา โอกาสที่เราจะติดต่อผ่านสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตเลยคงจะเป็นไปได้ยาก พอกลับมาอีกยุคนึงเจ้าของเดิมเหล่านั้นจะเสียชีวิตก็ได้นะ รหัสต่างๆอย่าหายหมดแล้ว ดังนั้น บิตคอยน์ไม่ได้มีค่าอย่างที่เราเข้าใจก็ได้

บิตคอยน์อาจอยู่ไม่ถึง 100 ปีก็ได้ ถึงวันนึงจะมีทรัพย์สินอื่นมาทดแทนได้ แต่ถ้า blockchain มีทองคำอยู่เบื้องหลัง Token ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มี ตัวอสังหาริมทรัพย์ ค้ำประกันอยู่เบื้องหลัง ก็จะมีความแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันที่เรามีแค่ขุดบิตคอยน์เนี่ย อย่างเช่นทุกวันนี้ บิตคอยน์ราคาขึ้นกันใหญ่เลย คนบอกว่าโอเคทำให้คนรวยขึ้น

“แต่จริงๆ ไม่ได้ทำให้ใครรวยขึ้น ไอ้คนรวยคือคนที่ถือครองอยู่จำนวนมากๆ อย่างเช่นมีประมาณสัก 0.03% ครองบิตคอยน์อยู่ที่ 60% ของทั้งหมด หรือไม่กี่พันราย พอบิตคอยน์ขึ้นพวกนี้ได้ประโยชน์ หรือว่านายซาโตชิ นากาโมโต้ บอกว่ามีอยู่ 1,100,000 บิตคอยน์เนี่ย ตอนนี้อยู่ดีๆกลายเป็นเศรษฐีอันดับที่สิบเศษๆ ของโลกไปแล้ว โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย”

“แสดงว่าคนที่ครองส่วนแบ่งเยอะๆเนี่ยพวกนี้ได้ประโยชน์ เช่นในช่วง 6 เดือนแรกเนี้ย พวกนี้ก็ขุดไปเยอะแล้ว ตอนนี้เหลืออยู่แค่ล้านกว่าเหรียญเท่านั้นเอง แต่ต้องใช้เวลาคนอีกร้อยกว่าปีแล้วนะเนี่ย เป็นแค่เศษเล็กๆน้อยๆที่เราต้องมาแย่งกัน เฉยๆ”

[ ทอง คือ safe haven จริงหรือ? ]

ก็เป็นไปได้ ผมไปดูแม่ซื้อทองคำที่เยาวราช ตั้งแต่บาทละ 400 ตอนนี้เด็กๆ จนถึง40,000 กว่าบาท แต่ผมเองก็ไม่ได้สะสมอะไรไว้มากมาย แต่ทองคำนี้มีความสำคัญ อย่างเช่น ตอนเขมรแตก คนที่ใส่ทองมามีแก้วแหวนเงินทองที่สารถนำมาแลกเป็นอาหาร แลกสิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆ ได้ ดังนั้นทองคำจึงมีมูลค่า

แต่ว่าถ้าได้ยามสงครามอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างเช่นที่แถวรัฐปัญจาบของอินเดีย ปรากฏว่า เจงกิสข่านมาก็ต้องผ่านรัฐนั้นนะ หรือว่าอเล็กซานเดอร์มาหรือพวกมุสลิมเข้ามาบุกทางอินเดีย ก็ต้องผ่านรัฐนั้น ปรากฏว่าทุกอย่างขนไปได้หมดเลย แก้วแหวนเงินทองลูกเมีย เราไปมันก็เอาไปหมดเลย

“แต่สิ่งที่มันเอาไปไม่ได้คือ อสังหาริมทรัพย์ พวกอินเดียโพกผ้ารัฐปัญจาบเนี่ยก็เลยชอบที่จะลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์มาก อันนี้ก็เป็นแนวคิดอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน”

[ เก็บเงิน หรือ เอาเงินไปลงทุน ]

มีคนบอกว่าการเก็บเงินสดเอาไว้กับตัวนับวันมีแต่มูลค่าของเงินลด เทียบกับการนำเงินสดไปลงทุนอาจทำให้มูลค่างอกเงยกว่า ดร.โสภณ มองว่า คนที่บอกว่าถือเงินสดไว้ด้อยค่าลง เป็นพวกคนจน คือถ้ารวยคงไม่กลัวว่าเงินร่อยหรอไปเท่าไหร่ แต่นี่มันไม่ค่อยมีเงินก็เลยคิดแบบประเภทนั้น

ผมเคยถามคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ว่าเงิน 100 บาท จะเหลือ 1 บาทในปีที่เท่าไหร่ จริงๆแล้ว ต้องใช้เวลาประมาณ 156 ปีเนี่ยถึงจะถึงจะหมด ดังนั้น เงินคงไม่รอลงไปมากมายอย่างที่เราคิด

และถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเราเห็นว่าโอกาสในทางลงทุนธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็เอาเงินไปลงทุนก็ยังได้ และทุกวันนี้ ถ้าเราฝากเงินไว้ในธนาคารประจำ 2 ปีเนี่ย อัตราดอกเบี้ย 2.3 – 2.4% ไปแล้ว ในขณะที่เงินเฟ้อ ประเทศไทยตอนนี้อยู่ที่ 0.6% แสดงว่าเงินฝากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเนี่ยแพงกว่าเงินเฟ้อแล้ว ดังนั้น ที่กลัวเงินเฟ้อจะมีปัญหาเนี่ย มันมีปัญหาน้อยมาก

แล้วบางคนที่บอกว่า Broad Money ( ปริมาณเงินที่หมุนเวียนในมือประชาชน) ทำให้เงินเฟ้อปีนึงประมาณ 14% ทั่วโลก มีที่ไหนเงินเฟ้อปีนึง 14% ไม่มี หรือว่าในอเมริกาก็ตามอย่างเงินเฟ้อก็มีกี่เปอร์เซ็นต์นั่นเอง เมืองไทยแล้วเหมือนกัน ดังนั้น มันไม่ได้เฟ้ออะไร มากมายอย่างที่มีการโพธนา อันนี้เป็นการโพธนาอย่างหนึ่งเพื่อที่จะบอกว่าบิตคอยน์ ไม่ได้มีการเฟ้อ มีแต่เงิน เพิ่มขึ้น เป็นโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบ

ดร.โสภณ ทิ้งท้ายว่า เราเห็นแตกต่างกันได้ ถ้าเห็นเหมือนกันหมดก็เป็นเผด็จการทรราชไปแล้ว เหมือนดอกไม้ต้องแข่งขันกันบานหลายๆ สีมันถึงจะสวยงาม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...