ชวน 'Gen Z' ให้เลือดเชื่อมชีวิต...ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ กับ 'Blood Connect'
การร่วมมือครั้งสำคัญครั้งแรกของ 3 องค์กรใหญ่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย, สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) ร่วมกับองค์กรพันธมิตรกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ
เปิดโครงการ Blood Connect ชวนเยาวชน Gen Z บริจาคโลหิต ภายใต้แนวคิด We Are All Connected เลือดเชื่อมชีวิต…ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ
สร้างการเปลี่ยนแปลงสังคม ด้วยการบริจาคโลหิต มอบโอกาส มอบความสุข มอบอนาคตให้ผู้ป่วย ได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ หากบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน จะมีปริมาณโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ
วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ณ ห้องจุมภฏ ชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
Cr. Kanok Shokjaratkul
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงประสบศรี อึ้งถาวร ประธานคณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย เปิดเผยว่า
"จากสถิติการบริจาคโลหิตในประเทศไทย ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ พบว่าในปี 2566 และปี 2567 มีประชากรบริจาคโลหิตเพียง 1.63 ล้านคน จาก 66 ล้านคน และ 1.65 ล้านคน จาก 66 ล้านคน ตามลำดับ
เป็นจำนวนโลหิตบริจาคในปี 2566 จำนวน 2,818,774 ยูนิต คิดเป็นร้อยละ 3.7 หรือประชากร 1,000 คน จะมีผู้บริจาคโลหิตเพียง 37 คนเท่านั้น
ขณะที่สถิติความถี่ในการบริจาคโลหิตปี 2567 พบว่า ผู้บริจาคโลหิตปีละ 4 ครั้ง มีเพียงร้อยละ 4.5 ขณะที่ผู้บริจาคโลหิตปีละ 1 ครั้ง มีมากถึงร้อยละ 67
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงประสบศรี อึ้งถาวรCr. Kanok Shokjaratkul
ขณะที่สถิติความถี่ในการบริจาคโลหิตปี 2567 พบว่า ผู้บริจาคโลหิตปีละ 4 ครั้ง มีเพียงร้อยละ 4.5 ขณะที่ผู้บริจาคโลหิตปีละ 1 ครั้ง มีมากถึงร้อยละ 67
หากมีผู้บริจาคโลหิตประจำทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้งเพิ่มมากขึ้น จะทำให้มีโลหิตเพียงพอสำหรับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอตลอดปี
กลุ่มเยาวชน Gen Z สามารถบริจาคโลหิตได้อย่างยั่งยืน คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของสังคม หากเริ่มต้นเป็นผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่อายุ 17 ปีบริบูรณ์ จะมีช่วงระยะเวลาบริจาคโลหิตได้ต่อเนื่องยาวนาน
จากสถิติการบริจาคโลหิตของกลุ่มเยาวชนอายุ 17-20 ปี ปี 2566 - 2567 คิดเป็นร้อยละ 10 จากผู้บริจาคโลหิตในทุกช่วงอายุ
โดยในปี 2566 มีเยาวชนบริจาคโลหิต จำนวน 167,478 คน จากผู้บริจาคโลหิต 1.63 ล้านคน ขณะที่ปี 2567 มีเยาวชนบริจาคโลหิต จำนวน 162,170 คน จากผู้บริจาคโลหิต 1.65 ล้านคน"
ดร.ลักขณา ลีละยุทธโยธิน Cr. Kanok Shokjaratkul
ดร.ลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานอนุกรรมการรณรงค์เพิ่มผู้บริจาคโลหิต ในคณะกรรมการจัดหา และส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า
"สถิติดังกล่าวจึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง 3 ภาคีหลักในสังคมไทย ได้แก่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย, สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) ที่เป็นแกนหลักในการรวมพลังกับภาคเอกชนชั้นนำทั่วประเทศ
สร้างสรรค์แคมเปญในรูปแบบ Public Service Advertising Campaign เพื่อขับเคลื่อนสังคมด้วยพลังของความคิดสร้างสรรค์ และความรู้ในวิชาชีพด้านการตลาด และโฆษณา สร้างความตระหนักรู้ กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยมีปริมาณโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับผู้ป่วยอย่างยั่งยืน
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงประสบศรี อึ้งถาวร และ ดร.ลักขณา ลีละยุทธโยธิน Cr. Kanok Shokjaratkul
แคมเปญ #BLOODCONNECT ภายใต้แนวคิด We Are All Connected เลือดเชื่อมชีวิต… ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ เป็นจุดเริ่มต้นของพลังการตลาดเพื่อสังคมที่แท้จริง
โดยมีเป้าหมายปลุกพลังคนรุ่นใหม่ให้บริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน พร้อมผลักดันให้เกิดการสร้างวัฒนธรรมใหม่ของการให้ที่ยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนี้ ยังได้เชิญชวนภาคีเครือข่ายจากทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ รวมถึงแบรนด์ระดับประเทศและระดับโลก ร่วมเป็นกระบอกเสียงแห่งการให้ ผ่านการรณรงค์ทุกสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ด้วยความร่วมมือขององค์กรกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริจาคโลหิตให้เป็น วาระแห่งชาติ"
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ Cr. Kanok Shokjaratkul
ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) เปิดเผยว่า สมาคมการตลาดฯ มอบหมายให้ โอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์ดิ้งและทีมงาน เป็นผู้รับผิดชอบกำหนดแนวคิดเชิงกลยุทธ์ และออกแบบโครงสร้างแคมเปญ
โดยเน้นทำความเข้าใจอินไซต์ของคนรุ่นใหม่อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะ Gen Z กลุ่มที่มีพลังเปลี่ยนแปลงและแสวงหาความหมายจากการมีส่วนร่วม เป้าหมายคือ สร้างพฤติกรรมบริจาคโลหิตให้กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งการให้ที่ยั่งยืน โดยนำไอเดียไปต่อยอดและประสานความร่วมมือจากสมาชิกต่าง ๆ ทั้งนักการตลาด นักสร้างแบรนด์ และองค์กรภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ
เน้นการมีส่วนร่วมในทุกมิติ เชื่อมโยงผู้คนผ่านสื่อหลากหลายช่องทาง เป็นการตลาดเชิงรุกที่ตั้งเป้าเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติของทั้งสังคม สร้างแรงกระเพื่อมที่ส่งต่อได้จากรุ่นสู่รุ่น สะท้อนพลังของการตลาดมิติใหม่ ไม่ใช่เพียงขับเคลื่อนธุรกิจ แต่เป็นพลังสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง"
รติ พันธุ์ทวี Cr. Kanok Shokjaratkul
รติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) เปิดเผยว่า
"เราเชื่อในพลังของความคิดสร้างสรรค์ที่จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี และเชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ที่สนใจกับการทำสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมและโลกใบนี้
เราเฟ้นหาไอเดียที่มีประสิทธิภาพสร้างการรับรู้และสร้างแนวร่วม ออกมาเป็นงานโฆษณาและการไวรัลคลิปที่แตกต่างไปจากเดิมทั้งในรูปแบบ วิธีการและช่องทางการสื่อสาร
เรานำความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์จากเครือข่ายนักโฆษณาและครีเอทีฟระดับประเทศ มาร่วมกำหนดแผนสร้างคุณค่าของการสื่อสารให้สมกับเป็นแคมเปญ เพื่อสังคม อย่างแท้จริง
Cr. Kanok Shokjaratkul
เราได้รับความร่วมมือจากนักคิดสร้างสรรค์ระดับทอปของประเทศ ผู้ได้รับรางวัลมากมายระดับโลกอย่างคุณสุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์และทีมงานมาร่วมสร้างสรรค์งานนี้ เชื่อว่าแคมเปญนี้จะตอบโจทย์ insight ของ Gen Z อย่างตรงจุด
นี่ไม่ได้เป็นเพียงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่คือการวางรากฐานของทัศนคติและวัฒนธรรมแห่ง การให้ ผ่านการเล่าเรื่องราวที่สร้างความรู้สึกและอารมณ์ร่วมกันได้อย่างแท้จริง
สมาคมโฆษณาฯได้เชิญเซเลบริตี้ผู้มีจิตกุศล 4 ท่าน ได้แก่ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน, อุ้ม-อิษยา ฮอสุวรรณ, กองทัพ พีค, วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ให้เกียรติมาร่วมเป็นกระบอกเสียง สร้างแรงบันดาลใจ สร้างแรงจูงใจ ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดการรับรู้ นำไปสู่เปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงพฤติกรรมและทัศนคติ ผลักดันการบริจาคโลหิตให้กลายเป็น วาระแห่งชาติ"
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
ร่วมสร้างปรากฏการณ์ Blood Connect เลือดเชื่อมชีวิต ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ โดยโพสต์แบนเนอร์พร้อมกันทั่วประเทศ วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. ดาวน์โหลด Template ได้ที่ https://shorturl.asia/r8D2s หรือสแกน QR Code
ดาวน์โหลด Template Blood Connect ให้เลือดเชื่อมชีวิต…ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ และบริจาคทั่วประเทศได้ที่
- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์
- หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) ได้แก่ สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) เดอะมอลล์สาขาบางแค สาขาบางกะปิ สาขางามวงศ์วาน สาขาท่าพระ ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม และบ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)
- ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา และภูเก็ต
- โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตแห่งชาติ 8 แห่ง ในกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า, สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์ พระมงกุฎเกล้า, โรงพยาบาลตำรวจ, คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลสิรินธร
- โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตแห่งชาติทั่วประเทศ
การให้โลหิตเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นการมอบโอกาส มอบความสุข มอบอนาคตให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ และได้กำหนดชีวิตตัวเองต่อไป
การบริจาคโลหิต 1 ครั้ง สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่า 3 ชีวิต
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul