ฮึ่มปิด‘ปราสาทตาเมือนธม’
นายกฯ ย้ำวง ครม. ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เสถียรภาพรัฐบาล-ความสามัคคีสำคัญมาก ยันไม่มีนโยบายตอบโต้เปิด-ปิดด่านหวังผลการเมือง “มาริษ” ยังหวังกลไกทวิภาคีแก้ปัญหา เชื่อ “ฮุน มาเนต” ยังไม่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ภูมิธรรม” ไฟเขียวแม่ทัพภาค 2 ชง สมช.ปิดปราสาทตาเมือนธมได้หากสถานการณ์ไม่สู้ดี “ศบ.ทก.” แจงคำสั่งกองทัพไม่ได้ปิดด่าน แค่จำกัดเวลา-ตรวจเข้ม ยกระดับมาตรการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ "เท้ง" ค้านมอบอำนาจให้กองทัพ อ้างผิดหลัก ปชต. ต้องอยู่ภายใต้พลเรือน
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 24 มิถุนายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ได้สั่งการให้ ครม.ติดตามอย่างใกล้ชิด เตรียมหามาตรการรองรับเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ยืนยันว่าสถานการณ์เช่นนี้เสถียรภาพของรัฐบาลสำคัญมากๆ รวมถึงความสามัคคีก็สำคัญมาก ตนขอให้รัฐมนตรีทุกท่านทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจและแก้ไขปัญหาอย่างทันการณ์ ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ
"ขอย้ำว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายตอบโต้ในการเปิด-ปิดด่านชายแดนเพื่อหวังผลทางการเมือง แต่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนและผลประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยได้เตรียมมาตรกรต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชนบริเวณชายแดนอย่างครบถ้วน อย่างเรื่องสินค้าการเกษตร ในที่ประชุม ครม.ได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ซึ่งมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐก็จะมารายงานอีกครั้งว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการถึงประชาชนจริงหรือไม่ เพราะก็ไม่อยากให้เกิดผลกระทบ" น.ส.แพทองธารกล่าว
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงการต่างประเทศจะพยายามผลักดันให้มีการหารือทวิภาคีตามนโยบายของนายกฯ เราพยายามอย่างยิ่งที่จะใช้มาตรการหารือทวิภาคีเพื่อไม่อยากให้เกิดการปะทะ ซึ่งเป็นความต้องการของนายกฯ อยู่แล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดึงให้มานั่งคุยกัน แต่เราต้องพยายาม เนื่องจากการปะทะกันสร้างความตึงเครียดให้เกิดขึ้นบริเวณชายแดน ไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ นายกฯ พยายามทำทุกอย่างในขณะนี้คือผลักดันให้มีการเจรจาทวิภาคีให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ เชื่อว่าเรายังสามารถพูดคุยกับกัมพูชาได้อยู่ใช่หรือไม่ นายมาริษกล่าวว่า พูดคุยได้แน่นอน เรายังคงมีช่องทางในการพูดคุยกันอยู่ตลอด เมื่อถามว่ามีข่าวว่าฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชาระบุว่าจะไม่มีการพูดคุยในเจบีซีอีกแล้ว นายมาริษกล่าวว่า กัมพูชาเองก็มีพันธกรณีที่จะต้องมาพูดคุยกัน เป็นสิ่งที่เราตกลงกันไว้ระหว่างไทยกับกัมพูชามาโดยตลอด เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศและหน้าที่ของตนที่จะต้องไปผลักดันให้เกิดการเจรจา กลไกทั้งหลาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีต่อกัน จากที่ฮุน มาเนต พูดในหลายๆ โอกาส คิดว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องของการเจรจาสองฝ่ายอย่างเด็ดขาด แต่คงอยากที่จะเห็นว่ามันมีความคืบหน้าก่อน
เมื่อถามว่า ขณะนี้เอกอัครราชทูตไทยกลับไปที่กรุงพนมเปญหรือยังหลังจากเรียกกลับมา นายมาริษกล่าวว่า ยัง ตนยังหารือข้อราชการในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องว่าเราจะแก้ไขกันอย่างไร เพื่อให้สองฝ่ายมานั่งคุยกันอย่างจริงจัง แม้ทูตไทยจะอยู่ที่นี่ แต่อุปทูตก็ทำหน้าที่ได้
ถามว่า การที่เราไม่ได้เรียกทูตกลับมาอย่างเป็นทางการ แต่การที่รั้งตัวทูตไว้ที่ไทยอาจถูกมองว่าเราลดระดับความสัมพันธ์ นายมาริษกล่าวว่า ไม่ มันเป็นกลไกทางการทูตอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาตรงนี้เลย และไม่ต้องมีประเทศตัวกลางมาช่วยเจรจา ส่วนการประชุมเจบีซีมีกำหนดอยู่แล้ว น่าจะประมาณเดือน ก.ย.68
ไฟเขียวปิดทางขึ้นตาเมือนธม
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชามาเที่ยวที่ปราสาทตาเมือนธมอย่างมีนัยสำคัญ สถานที่ดังกล่าวไม่สามารถที่จะปิดเองได้ ต้องรอคำสั่งจากหน่วยงานหรือไม่ว่า อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ควบคุมส่วนต่างๆ อยู่แล้ว เวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น รัฐบาลรับรู้ทั้งหมด และก่อนหน้านี้ สมช.ได้มอบอำนาจให้กองทัพบก โดยให้ทหารซึ่งเป็นด่านหน้าได้พิจารณาสถานการณ์ว่ามากน้อยหรือรุนแรงมากแค่ไหน
เมื่อถามว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไทยต้องยกระดับการเพิ่มขึ้น เพราะทหารกัมพูชาเติมกำลังคนและเติมพลังอาวุธเข้าไปในพื้นที่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ทหารกัมพูชามีอยู่นั้น ไม่ต้องเติม เพราะมีเยอะอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่สาระที่น่ากลัว เพราะสิ่งที่เขาทำก็เติมเต็มอยู่แล้ว ขณะที่ทางการไทยก็มีการเตรียมกำลังไว้ตั้งแต่มีการเผาศาลาตรีมุข ซึ่งมีกองกำลังอยู่จำนวนเยอะแล้ว แต่ไม่ขอบอกตัวเลข
เมื่อถามถึงกรณีที่นายฮุน มาเนต เสนอให้ไทยเปิดด่านชายแดนก่อน แล้วกัมพูชาจะเปิดตามใน 5 ชั่วโมงแล้วจะกำลังค่อยหารือเรื่องการปรับกำลัง นายภูมิธรรมระบุว่า เรามีเงื่อนไขและข้อเสนอที่วางไว้ คือลดการเผชิญหน้า ตลอดแนวชายแดน ให้มีการปรับกำลังทั้งสองฝ่าย รวมถึงการเปิดด่านชายแดนทั้งหมด เพื่อให้เข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้จะต้องทำไปพร้อมกันทั้ง 2 ประเทศ จะมาบอกว่าคุณเปิดก่อนเราเปิดก่อนคงไม่ได้ เพราะตอนนี้มันมั่วไปหมดแล้ว ก็ควรจะทำให้พร้อมกัน
เมื่อเวลา 16.00 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง แถลงภายหลังการประชุม ศบ.ทก.ประจำวัน โดยนายนิกรเดชกล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มีคำสั่งยกระดับการควบคุมการผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งและแนวนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นมาตรการที่หน่วยทหารในพื้นที่พิจารณาอย่างรอบคอบ จากการประเมินภาพรวมสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ สอดรับกับนโยบายการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์
นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการการยกระดับการควบคุมดังกล่าว ไม่ใช่การปิดด่านอย่างที่มีรายงานข่าวที่คลาดเคลื่อน ซึ่งขณะนี้ทุกจุดผ่านแดนยังคงเปิดจุดทำการ ไม่ว่าจะเป็นจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว หรือจุดผ่อนปรนทางการค้า แต่มีการจำกัดการผ่านแดนที่เข้มข้นขึ้น เป็นการบังคับใช้มาตรการขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 จากทั้งหมด 4 ขั้น ฝ่ายไทยยังคงอนุญาตการผ่านแดนให้บุคคลที่มีความจำเป็น ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม เช่น ผู้ที่ต้องการรับการรักษาพยาบาล นักเรียน รวมถึงการดำเนินการที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น การซื้อผักผลไม้ และเครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ตัวอย่างการรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาในจังหวัดสระแก้วและจังหวัดจันทบุรี ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา
นายนิกรเดชกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไทยยังไม่มีการห้ามการส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังกัมพูชา ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ตัดสินใจระงับการนำเข้าน้ำมันจากไทย ฝ่ายไทยมีจุดยืนที่ชัดเจน เราต้องคำนึงถึงประชาชนทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา ไม่ให้ผู้รับภาระจากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการกัน เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. นายกฯ แถลงการยกระดับการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ คือการระงับการส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้าที่อาจถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายต่างๆ
ปชน.ขวางมอบอำนาจให้กองทัพ
วันเดียวกัน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมด้วย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และคณะ ไปตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ พบปะให้กำลังใจ พร้อมกับมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน
ที่ด่านชายแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด วันแรกของการปิดด่านจากคำสั่งกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ช่วงเช้าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่มีรถขนส่งสินค้าแม้แต่คันเดียว ขณะที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (เฉพาะ), (กปช.จต.) ออกคำสั่งปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก และจุดผ่อนปรนบ้านหมื่น ห้ามค้าขาย, เข้า-ออก คนและพาหนะ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการคลองใหญ่ระบุว่าเคยปิดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา
ทางด้านกองกำลังบูรพา ออกประกาศเรื่องการอนุโลมเปิดผ่านแดนเพื่อรับประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาที่มีความประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนาเท่านั้น โดยเปิดด่านช่วง 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม วันที่ 24 มิ.ย. อนุโลมให้คนไทย-กัมพูชา รวมถึงรถบรรทุก-รถเปล่ากลับภูมิลำเนา
ที่รัฐสภา นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า การปิดด่านสามารถแก้ปัญหาได้หลายอย่าง รวมถึงเป็นการกดดันว่าเรามีศักดิ์ศรี มีเอกราชของเรา ทำไมเราต้องยอม แต่หากทางพญาละแวกสองยังมีปฏิกิริยาเช่นนี้ และยังดึงดันอยู่ ก็เห็นว่าให้ตัดสัมพันธ์ทางการทูตได้เลย
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ว่า มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ มีผลกระทบทั้งกัมพูชาและผู้ประกอบการ ประชาชนคนไทยด้วย สิ่งที่อยากจะเห็นคือการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยและประชาชนที่มีกิจการการค้าตามแนวชายแดน หรือมีกิจการนำเข้าส่งออก ซึ่งเข้าใจว่ามีทั้งหมด 7 จังหวัด และเท่าที่มีการตรวจสอบงบกลางยังเหลือ รอเพียงแค่การตัดสินใจของนายกฯ ที่จะต้องหารือร่วมกับ รมว.การคลัง ซึ่งยังไม่เห็น หากไม่มีมาตรการคู่ขนานในการช่วยเหลือประชาชน สุดท้ายจะกลายเป็น ทำเขา แต่เราอาจจะเจ็บตัวกว่า
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. โพสต์เฟซบุ๊กว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการยกระดับมาตรการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์ข้ามชาติ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการที่นายกฯ ได้มอบอำนาจในการควบคุมจุดผ่านแดนหรือด่านชายแดนไทย-กัมพูชาให้แก่กองทัพ ปล่อยให้กองทัพมีอำนาจตัดสินใจออกมาตรการควบคุมชายแดนได้โดยลำพังนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดหลักการประชาธิปไตยที่กองทัพต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน รัฐบาลควรนำ “ไพ่ในมือ” หรือมาตรการที่เป็นไปได้ทั้งหมดมาพิจารณาใช้ให้เหมาะสม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนไม่ให้กองทัพมีอำนาจตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ได้โดยลำพัง โดยยึดถือเป้าหมายคือการคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ไม่ใช่เพียงเพื่อพิทักษ์ความอยู่รอดของรัฐบาล.