WHA ตั้งเป้าลดการใช้พลังงาน หนุน Commercial EV มุ่งสู่ระบบ "กรีนที่กินได้"
งานสัมมนา “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ และ Thandigital สัมมนาใหญ่แห่งปีที่จะเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero อย่างยั่งยืน ช่วงบรรยายในหัวข้อ "Mobilix กรีนโลจิสติกส์ครบวงจร และอนาคตระบบนิเวศโลจิสติกส์ยานยนต์ไฟฟ้า"
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่การเงินกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น มี 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภค, พลังงาน, ดิจิทัล และล่าสุด Mobility ที่ให้ความสำคัญกับ ESG อย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำและพลังงานไฟฟ้า
โดยการบริหารจัดการน้ำ บริษัทได้มุ่งเน้นรีไซเคิลน้ำให้ได้มากที่สุดเพื่อลดการใช้น้ำต้นทุนจากธรรมชาติ จนส่งผลให้ในปี 2567 สามารถประหยัดน้ำได้เทียบเท่าการใช้น้ำกว่า 2.5 แสนครัวเรือน และตั้งเป้าหมายอีก 5 ปีในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำให้น้อยลงเป็น 7 แสนครัวเรือน
ด้านพลังงานไฟฟ้า ปัจจุบันหมุนเวียน (Renewable Energy) ในปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ในพอร์ต 45% จากเดิม 5% เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากและตั้งเป้าจะเพิ่มให้ถึง 70% ภายในอีก 5 ปีนับจากนี้
ส่วนการเข้าสู่ธุรกิจ Mobility ได้มองเห็นโอกาสมานานหลายปีและมีปัจจัยสำคัญในการพัฒนา คือ ความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ ทั้งในกลุ่ม Consumer Goods, Third Party Logistic, e-commerce และโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 1,100 แห่งในนิคมอุตสาหกรรม
ในโรงงานเหล่านี้กว่า 80% เป็นบริษัทต่างชาติที่ล้วนต้องการลดคาร์บอน มุ่งลดการปล่อยคาร์บอนโดยเฉพาะ transportation ที่ทำให้เกิดก้อนคาร์บอนใหญ่ ซึ่งต้องพยายามพิจารณาดูว่าจะสามารถลดลงได้อย่างไร เพราะถือเป็น "hard to abate sector" หรือภาคส่วนการลดคาร์บอนที่ทำได้ยาก
นายณัฐพรรษ กล่าวว่า ในสภาพความเป็นจริงความเหมาะสมของโครงสร้างต้นทุนและเส้นทางเป็นสิ่งสำคัญ อย่างรถ EV ที่มีต้นทุนการลงทุนสูง แต่ต้นทุนการดำเนินงานต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมันอย่างมาก ซึ่งในประเทศไทยถือว่ามีเส้นทางที่ค่อนข้างเหมาะกับการใช้ Commercial EV
เช่น เส้นทางท่าเรือแหลมฉบังไปยัง Logistic Center ในสมุทรปราการหรือมาบตาพุด มีระยะทางไปกลับ 100-150 กิโลเมตร สามารถวิ่งได้ 2.5-3 เที่ยวต่อวัน ทำให้ต้นทุนที่ลงทุนไปคุ้มค่า
ทั้งนี้ การแก้ปัญหาสำหรับผู้ประกอบการขนส่งในประเทศไทยส่วนใหญ่ที่เป็นรายย่อยและรายกลาง ถือว่ายากหากจะลงทุนกับการใช้รถ EV ที่มีต้นทุนเริ่มต้นสูง WHA Corporation จึงมีแนวคิดที่จะทำโมเดลลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการรายเดือนที่ใช้รถ EV ให้เท่ากับการใช้รถบรรทุกน้ำมัน โดยเปลี่ยนสัดส่วนจากค่าใช้จ่ายน้ำมันเป็นค่าเช่ารถและค่าไฟ
"กลยุทธ์การสร้าง Commercial EV Ecosystem เราจะไม่ผลิตรถเอง แต่เน้นการสร้าง Ecosystem ครบวงจรสำหรับ Commercial EV ประกอบด้วยการให้บริการรถเช่า โดยจัดหารถ EV จากหลากหลายยี่ห้อและจัดแพ็คเกจให้ลูกค้า"
รวมถึงรถสำหรับพนักงานบริษัท (Company Car) หากลูกค้ามีความต้องการ สร้าง Charging Solution ให้บริการสถานีชาร์จ ทั้งแบบ On-premise (ในพื้นที่ลูกค้า) และ Public Charging รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มการบริหารจัดการเรื่องซับซ้อน สำหรับเดินรถ EV เช่น วางแผนเดินทาง
ในเรื่องธุรกิจ Commercial EV สำหรับประเทศไทยถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีรถบรรทุกตั้งแต่ 4 ล้อขึ้นไปจนนถึงรถบรรทุกหัวลากมีอยู่ประมาณ 4 ล้านคัน ในอนาคตรถเก่าจะหมดอายุประมาณ 1-2 แสนคันต่อปี ดังนั้น WHA Corporation จึงมองว่านี่คือโอกาสที่จะเริ่มสร้างระบบ"กรีนที่กินได้" เป็นธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถสร้างผลกำไรได้จริง