โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

มาทำความรู้จัก ‘Blind Trust’ ที่กำลังเป็นประเด็นเขย่าวงการการเมืองกันเถอะ!

BT Beartai

อัพเดต 19 มี.ค. 2562 เวลา 13.39 น. • เผยแพร่ 19 มี.ค. 2562 เวลา 09.35 น.
มาทำความรู้จัก ‘Blind Trust’ ที่กำลังเป็นประเด็นเขย่าวงการการเมืองกันเถอะ!

เกิดเป็นกระแสอย่างมากเมื่อข่าววันที่ 18 มีนาคม 2562 รายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึงกรณีการจัดการทรัพย์สินของตนเองเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำทางกฎหมาย และเพื่อสร้างมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้มีความโปร่งใสมากขึ้น

ก่อนจะรู้จัก Blind Trust เราต้องรู้จักระบบการ Trust กันก่อน

‘Trust’ คือ กองทุนรูปแบบหนึ่งที่ถูกจัดตั้งขึ้นตามกฏหมาย เจ้าของทรัพย์สินจะถูกเรียกว่า Trustor ส่วนผู้รับโอนจะเรียกว่า Trustee โดยกองทุนนี้จะทำการบริหารทรัพย์สินดังกล่าวให้เพื่อป้องกันการขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าของทรัพย์สิน
จริงๆแล้วการ Trust มี 2 แบบ
อย่างแรกคือแบบเพิกถอนได้ หมายถึง Trustor สามารถแก้ไขข้อกำหนด การลงทุนของ Trustee หรือ เรียกคืนทรัพย์สินที่โอนไปใน Trust ได้ ส่วนอย่างที่สองคือ Trust แบบเพิกถอนไม่ได้ Trustor จะไม่สามารถเรียกคืนทรัพย์ แก้ไขเงื่อนไขใดๆ หรือแม้กระทั่งไม่สามารถยุบ Trust ได้นอกจากจะมีคำสั่งจากศาลเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าพอโอนเสร็จทางกองทุนจะเอาไปจัดการได้เลย เพราะก่อนจะทำการโอน Trustor จะทำการพูดคุยกับ Trustee ถึงแนวทางการบริหารทรัพย์สินของตนไว้ด้วย เพื่อให้การจัดการทรัพย์สินเป็นไปตามแนวทางที่ Trustor ต้องการมากขึ้น

คำถามคือแล้วมันช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องผลประโยชน์ได้อย่างไร?

เมื่อนักธุรกิจผันตัวเข้ามาเล่นการเมือง พวกเขามีโอกาสที่จะออกกฎหมายหรือนโยบายต่างๆที่อาจจะเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนเองได้ แต่เมื่อนักธุรกิจโอนหุ้น หรือ มูลค่าทรัพย์สินของตนเองเข้าสู่กองทุน Blind Trust แล้วละก็ จะเท่ากับว่า ทรัพย์สินเหล่านั้น จะถูกบริหารจัดการภายใต้ผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กร ที่สำคัญคือระหว่างการดำรงตำแหน่งเจ้าของทรัพย์สินจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทรัพย์สินของตนเองถูกจัดการไปอย่างไร และไม่สามารถจัดการบริหารทรัพย์สินเหล่านั้นได้อีกด้วย เพราะอย่างนี้การ Trust แบบนี้จึงถูกเรียกว่า “Blind Trust ” และเมื่อพ้นจากตำแหน่งทรัพย์สินทั้งหมดก็จะถูกโอนคืนเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของเช่นเดิม แต่มูลค่าอาจมากขึ้นหรือน้อยลงก็ได้ขึ้นอยู่กับการจัดการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาอีกที

Blind Trust จึงเป็นหนึ่งสิ่งที่ช่วยป้องกันปัญหาการทับซ้อนกันของผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับประเทศไทยแล้วนี่อาจจะดูเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่สำหรับที่อเมริกาหากใครที่จะเข้ามารับตำแหน่งทางการเมือง หากไม่ได้มีการจัดตั้งหรือโอนทรัพย์สินให้ Blind Trust แล้วละก็ พวกเขาจะถูกทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ถึงแม้จะไม่เป็นกฏข้อบังคับ แต่นักการเมืองส่วนมากในอเมริกาเลือกที่จะใช้วิธีนี้ เพื่อลดการเปิดเผยทรัพย์สิน และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะตามมาภายหลังได้

  • อ้างอิง
  • อ้างอิง
  • อ้างอิงแชร์โพสนี้
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...