โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ชีวิตสุดอื้อฉาวของ "เจน เบอร์กิ้น" ตัวแม่ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กำเนิดกระเป๋า Birkin

sanook.com

เผยแพร่ 11 ต.ค. เวลา 16.48 น. • Sanook
ย้อนชีวิตสุดอื้อฉาวของ

ย้อนชีวิตสุดอื้อฉาวของ "เจน เบอร์กิ้น" ผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจให้กำเนิดกระเป๋า Birkin จากแบรนด์ Hermès

กระเป๋า Birkin จากแบรนด์ Hermès ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งสถานะทางสังคมที่หรูหราและทรงอิทธิพลที่สุดในโลก แฟนคลับจากรายการเรียลลิตี้อย่าง Real Housewives สะสมไว้เป็นคอลเลกชัน แรปเปอร์นำไปใส่ในเพลง และซีรีส์ดัง Sex and the City ยังเคยยกทั้งตอนเพื่อพูดถึงมัน

แต่ผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจให้กำเนิดกระเป๋าใบนี้กลับเป็นศิลปินสุดโบฮีเมียนผู้เปี่ยมเสน่ห์นามว่า เจน เบอร์กิ้น (Jane Birkin) ซึ่งเบื้องหลังชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทั้งถูกวาติกันประณาม มีลูก 3 คนจาก 3 พ่อ และยังใช้ชีวิตสุดอิสระแบบไม่แคร์สังคม

จากสาวอังกฤษสู่ไอคอนแห่งยุค 60s

เบอร์กิ้นเกิดในครอบครัวศิลปินที่กรุงลอนดอน แต่เป็นวัยรุ่นหัวขบถ เธอถูกเพื่อนล้อเรื่องรูปร่างผอมบางและพยายามหนีออกจากโรงเรียนประจำหลายครั้ง จนพ่อแม่ส่งเธอไปปารีสเมื่ออายุ 16 ปี ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เธอตัดผมหน้าม้า ซื้อกระโปรงสั้น และเข้าร่วมกระแส Youthquake ของยุคนั้นอย่างเต็มตัว

อายุเพียง 17 ปี เธอได้งานแสดงโดยบังเอิญ และในปีต่อมาแต่งงานกับนักแต่งเพลง จอห์น แบร์รี (John Barry) ผู้มีอายุมากกว่า 12 ปี แม้ครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่เธอหลงใหลในรักแรกอย่างแท้จริง ทว่าการแต่งงานจบลงอย่างรวดเร็ว และเมื่ออายุ 21 เธอหย่าขาด กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงลูกสาวคนแรก “เคต”

เรื่องรักอื้อฉาวกับ “แซร์จ เกนส์บูร์ก”

ชีวิตของเธอเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อได้เจอกับนักร้อง–นักแต่งเพลงชื่อดัง แซร์จ เกนส์บูร์ก (Serge Gainsbourg) ระหว่างถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Slogan ปี 1968 ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยแต่ก็มีเคมีที่เข้ากันอย่างประหลาด และในที่สุดกลายเป็นคู่รักที่โลกรู้จัก

ปี 1969 พวกเขาออกเพลงคู่สุดอื้อฉาว “Je t’aime … moi non plus” ที่เต็มไปด้วยเสียงครวญและถ้อยคำชวนวาบหวิวจนถูกแบนจาก BBC และถูกวาติกันประณาม แต่กลับกลายเป็นเพลงดังระดับโลก เบอร์กิ้นกล่าวติดตลกว่า “สมเด็จพระสันตะปาปาคือผู้ประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดของเรา”

ทั้งคู่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความโบฮีเมียนของปารีส มีลูกสาวด้วยกันชื่อ ชาร์ลอตต์ เกนส์บูร์ก และใช้ชีวิตอย่างอิสระ แม้กระทั่งพาลูกไปเที่ยวกลางคืนในตะกร้าหวายที่กลายเป็นของประจำตัวของเบอร์กิ้น

จุดจบของความรักและการเริ่มต้นใหม่

แม้รักจะลึกซึ้ง แต่เกนส์บูร์กกลับมีนิสัยหึงหวงรุนแรงถึงขั้นพกปืนตามกองถ่าย และยอมรับว่าเคยใช้ความรุนแรง เบอร์กิ้นจึงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ และเริ่มต้นใหม่กับผู้กำกับภาพยนตร์ ฌัก ดูอียง (Jacques Doillon) ซึ่งต่อมาให้กำเนิดลูกคนที่ 3 “ลู ดูอียง”

ALAIN JOCARD / AFP

จุดกำเนิดของ “กระเป๋า Birkin”

ปี 1983 ระหว่างบินจากปารีสไปลอนดอน เบอร์กิ้นนั่งข้าง ฌอง-หลุยส์ ดูมาส์ (Jean-Louis Dumas) ซีอีโอของ Hermès เธอบ่นว่ากระเป๋าของตัวเองไม่มีช่องเก็บของ ทำให้ของหล่นกระจัดกระจาย ดูมาส์จึงถามว่า “ถ้ามีกระเป๋าในอุดมคติ เธออยากให้หน้าตาเป็นอย่างไร”

เธอจึงหยิบถุงอาเจียนบนเครื่องบินมาเขียนสเก็ตช์รูปกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูพร้อมหูหิ้วสองข้าง และหนึ่งปีต่อมา “Birkin Bag” ก็ถือกำเนิดขึ้น เธอใช้มันทุกวัน ติดสติ๊กเกอร์ ห้อยพวงกุญแจ และยัดของจนพองเป่ง กลายเป็นไอเท็มแฟชั่นที่เปลี่ยนโลก

ALAIN JOCARD / AFP

จากศิลปินสู่นิรันดร์

ในวัย 40 เบอร์กิ้นพยายามสลัดภาพสาวหวาน เธอตัดผมสั้นด้วยกรรไกรเล็บของเกนส์บูร์กและสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงผู้ชายขึ้นเวที จนกลายเป็นลุคอมตะ เธอถือกระเป๋า Birkin ใบเดิมจนถึงปี 1994 ก่อนนำไปประมูลช่วยองค์กรต่อต้านเอดส์

เธอเสียชีวิตในปี 2023 ด้วยวัย 76 ปี หลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพมายาวนาน กระเป๋า Birkin ใบแรกของเธอถูกนำกลับมาประมูลอีกครั้งในปี 2024 และถูกซื้อไปในราคากว่า 10.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 330 ล้านบาท)

มรดกที่ยิ่งกว่ากระเป๋า

ผู้เขียนชีวประวัติ Marisa Meltzer กล่าวไว้ในหนังสือ It Girl: The Life and Legacy of Jane Birkin ว่า “เจน เบอร์กิ้นไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจของกระเป๋าใบหนึ่ง แต่เป็นผู้หญิงที่เปลี่ยนโฉมวัฒนธรรมโลก ด้วยศิลปะ ความกล้า และอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร”

  • New York Post
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...