โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

วิธีรับมือ “ความเครียด” ผลกระทบจากการเสพข่าว ผ่านสื่อออนไลน์

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 08 ส.ค. เวลา 03.00 น. • เผยแพร่ 08 ส.ค. เวลา 08.34 น.

พญ. ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิษณุเวช หนึ่งในเครือโรงพยายาล PRINC Group กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาสุขภาพจิตจากการเสพข่าวออนไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้คนเกิดความเครียดแบบไม่รู้ตัว รู้สึกหมดแรง หวาดระแวง หรือแม้กระทั่งมีอาการตื่นตระหนกซ้ำ ๆ ในแต่ละวัน

โดยเฉพาะกลุ่มที่พบมากที่สุด คือ วัยทำงานตอนต้นถึงกลางคน อายุประมาณ 28-42 ปี ซึ่งเป็นวัยที่รู้สึกว่า "ต้องรู้ทันข่าว" ตลอดเวลา รวมถึงในกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ได้รับผลกระทบจากสื่อออนไลน์และการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) ทำให้เกิดผลร้ายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งควรตระหนักว่าอาการแบบไหนส่งสัญญาณเตือนถึงร่างกายและจิตใจ ดังนี้

  • อาการทางร่างกาย: ปวดศีรษะเรื้อรัง, นอนไม่หลับ, ฝันร้าย, ใจสั่นบ่อย, อ่อนเพลียแม้พักผ่อนแล้ว
  • อาการทางจิตใจ: กังวลง่าย, หงุดหงิดง่าย, พฤติกรรมเลี่ยงการเข้าสังคม, รู้สึกไม่อยากพูดคุยกับใครเลย

วอย่าง ผู้ป่วยเพศหญิง วัยกลางคน มีประวัติคุณพ่อเคยเป็นทหารผ่านศึกสงครามช่วงที่ผู้ป่วยยังเป็นเด็ก และในช่วงปัจจุบันคนไข้ได้ติดตามข่าวเรื่องสถานการณ์สงคราม หรือสถานการณ์ไม่สงบต่างๆ และการเกิดเหตุร้ายซ้ำๆติดต่อกัน มีความเชื่อมโยงกับความกลัวความกังวลในอดีตตอนที่ผู้ป่วยยังเป็นเด็ก

โดยเริ่มเกิดอาการของ PTSD หรือ โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงเป็นความผิดปกติทางจิตใจหลังติดตามข่าวสารต่อเนื่องมา 1-2 สัปดาห์ ทำให้ผู้ป่วยเริ่มมีความวิตกกังวลมากกว่าปกติ ฝันร้าย มีความตกใจง่าย กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับมากขึ้น จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน

กระทั่งมาปรึกษาแพทย์ และได้รับการรักษาด้วยการแนะนำการจำกัดเวลาเสพข่าวการทำจิตบำบัดในส่วนของประสบการณ์ในอดีตจนอาการดีขึ้น และเน้นย้ำเรื่องการรับข้อมูลข่าวสารต่อไปในอนาคตต้องสามารถมี Media Literacy หรือการรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง

แพทย์หญิงทินารมภ์ กล่าวว่า อาการเหล่านี้คือเสียงเบา ๆ ของร่างกายที่กำลังร้องขอการดูแล หากอาการเหล่านี้รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานไม่ได้ หลับยากทุกคืน หรือมีความคิดทำร้ายตัวเอง อย่ารอช้า ควรมาพบจิตแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งวิธีรับมือและป้องกันตัวเองมี ดังนี้

  • ตระหนักรู้และยอมรับ: ขั้นแรกคือการยอมรับว่าเรากำลังได้รับผลกระทบจากข่าวสาร
  • กำหนดเวลาในการเสพข่าว: กำหนดเวลาที่แน่นอน เช่น วันละ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15 นาที
  • Digital Detox: ลองงดใช้โทรศัพท์ก่อนนอน 1 ชั่วโมง หรือกำหนด"วันไร้หน้าจอ" อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน
  • เลือกแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ: เลือกสื่อที่มีแหล่งอ้างอิงชัดเจนและไม่ใช้ภาษาที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรง
  • บทบาทของครอบครัว: ครอบครัวควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย และให้การสนับสนุน เช่น พาออกไปเดินเล่น หรือทำ

"เราควบคุมข่าวไม่ได้ แต่เราควบคุมการตอบสนองของตัวเองได้ อย่าให้ข้อมูลกลืนความเป็นมนุษย์ของคุณไป และอยากให้ทุกคนตระหนักว่า"ใจของเราก็มีขีดจำกัดในการรับข้อมูลเหมือนร่างกาย" อย่าละเลยเสียงในใจที่บอกว่าเหนื่อยแล้ว เราทุกคนมีสิทธิ์จะดูแลใจของตัวเองก่อน โดยไม่ต้องรู้สึกผิด”

ดังนั้น สังคมไทยควรเริ่มให้ความสำคัญกับ “การรู้เท่าทันสื่อ” (Media Literacy) ตั้งแต่ระดับเยาวชน รวมถึงการอบรมครู พ่อแม่ และผู้นำชุมชน เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...