โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ปีใหม่นี้ ตั้งเป้าการเงินยังไงให้ ‘ทำได้จริง’

Wealth Me Up

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Wealth Me Up

ใช้แรงทำเงิน& ให้เงินทำงาน กดSubscribe รอเลย…

Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line

ชวนทุกคนมาตั้งเป้าหมายทางการเงิน เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี กับเคล็บลับการออม ที่ช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้จริง

เป้าหมายทางการเงินอาจมีได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการหรือความฝันที่แต่ละคนอยากทำให้สำเร็จ ซึ่งมักจะเป็นการออมหรือการลงทุนเพื่อเป้าหมายบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ เกษียณสุข หรือท่องเที่ยว แต่การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ดีนั้น จะต้องเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ สามารถทำให้สำเร็จได้ สมเหตุสมผล และมีกำหนดกรอบเวลาแน่นอน รวมถึงควรมีการจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายทางการเงินต่างๆ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้จริง

นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น (น้อยกว่า 1 ปี) ตัวอย่างเช่น ต้องการเก็บเงินออมเผื่อฉุกเฉินเป็นเงิน 30,000 บาทภายใน 1 ปี เป้าหมายระยะกลาง (มากกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี) อาทิ ต้องการเก็บเงินเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์ซื้อบ้าน จำนวน 500,000 บาทภายใน 3 ปี หรือเป้าหมายระยะยาว (มากกว่า 3 ปี) เช่น ต้องการมีเงินเก็บเมื่อเกษียณอายุ จำนวน 10 ล้านบาท

ตัวอย่างตัวช่วยในการเก็บเงินก้อนที่อยากแนะนำให้แก่มือใหม่หัดออมเงิน คือ บัญชีเงินฝากปลอดภาษี ซึ่งกำหนดให้เราต้องฝากเงินในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน (อาจมีการกำหนดขั้นต่ำ เช่น 500-1,000 บาท) ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 24 เดือน หรือ 36 เดือน และบางธนาคารอาจมีบริการโอนเงินอัตโนมัติจากบัญชีที่เราแจ้งไว้เพื่อไปเก็บออมในบัญชีเงินฝากปลอดภาษี เป็นการสร้างความสะดวกและสร้างวินัยการออมที่ดีด้วย รวมถึงบัญชีเงินฝาก e-Savings ที่สามารถตัดออมแบบอัตโนมัติได้เช่นกัน ซึ่งให้ดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.5% ต่อปี สูงกว่าการฝากออมทรัพย์ทั่วไป

เคล็ดลับอีกอย่างในการออมเงินให้สำเร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้ก็คือ หากเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อยและออมจนเป็นนิสัยอย่างสม่ำเสมอ เราจะสามารถไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้อย่างสบายๆ ด้วยจำนวนเงินออมต่อเดือนที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับการเริ่มต้นออมเมื่ออายุมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการมีเงินก้อนตอนอายุ 60 ปี ประมาณ 1.5 ล้านบาท แล้วเริ่มออมตั้งแต่เริ่มทำงานตอนอายุ 25 ปี โดยเก็บเงินทุกเดือน (สมมติว่าได้รับผลตอบแทน 3% ต่อปี) เราจะเก็บเงินประมาณเดือนละ 2,000 บาท แต่หากเราเพิ่งมาเริ่มต้นออมเงินตอนอายุ 45 ปี เราจะต้องออมเงินถึงเดือนละประมาณ 6,500 บาท ถึงจะได้เงินเก็บในจำนวนใกล้เคียงกันเมื่อเกษียณอายุ ซึ่งเราสามารถคำนวณและวางแผนเพื่อออมเงินอย่างคร่าวๆ ได้ที่โปรแกรมคำนวณเงินออมของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ได้ที่เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/th/satang-story.html

สำหรับบางคนที่เลือกไปถึงเป้าหมายด้วยการแบ่งเงินออมส่วนหนึ่งไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน หรือกองทุนรวม เพื่อสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในเงินฝากเพียงอย่างเดียว สัดส่วนที่เหมาะสมของเงินที่ควรแบ่งไปลงทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ของแต่ละบุคคลด้วย

โดยวิธีการลงทุนสำหรับมือใหม่ที่นิยมกันคือการลงทุนแบบDollar Cost Averaging (DCA) ด้วยการทยอยลงทุนเป็นประจำในจำนวนที่เท่าๆ กันทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์ลงทุนในขณะนั้นจะเป็นเท่าไหร่ เพื่อสร้างวินัยการออม เฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน และลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาในแต่ละช่วงเวลาได้

#WealthMeUp

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...