ความเสี่ยงการคลังไทย ถอดบทเรียนจากต่างประเทศ และนัยต่อประเทศไทย
- ฐานะการคลังของไทยอ่อนแอกว่าประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (BBB+ / Baa1) จากหนี้สาธารณะที่เพิ่มเร็วและการคลังขาดดุลต่อเนื่อง ทั้งนี้ หาก Nominal GDP โตเพียง 3% ต่อปี การขาดดุลอาจเกิน 4% ของ GDP และหนี้สาธารณะอาจแตะ 70% ภายในปี 2570 เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในระยะข้างหน้า
- แผนการคลังระยะปานกลางปี 2570–2573 ตั้งเป้าลดการขาดดุลเหลือ 3% ของ GDP ภายในปี 2572 ซึ่งเป็นสัญญาณบวก แต่ยังมีความเสี่ยงจากสมมติฐานการเติบโตของ GDP ที่อาจสูงเกินจริงและความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง
- บทเรียนจากอิตาลีชี้ว่า การลดขาดดุลอย่างจริงจังทั้งด้านรายได้ รายจ่าย และประสิทธิภาพภาครัฐช่วยหลีกเลี่ยงการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ ไทยสามารถใช้เป็นแนวทางได้ แต่ควรขยายมาตรการให้ครอบคลุม เช่น การขยายฐานภาษี การทำแผนการคลังที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย การเสริมกลไกตรวจสอบงบประมาณ และการปฏิรูประบบราชการ
- แม้ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ไทยยังไม่เข้าสู่วิกฤตการคลังในระยะสั้น เนื่องจากปัจจุบันไทยยังอยู่ในระดับ Investment Grade และสูงกว่า Non-investment Grade อยู่ 2 ระดับ แต่การถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจะกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมและความน่าสนใจในการลงทุน