โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

"กรณ์" ลุยต่อ ! ยื่นหลักฐาน ”ก.ล.ต.”สอบบริษัทเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พบโยง "ยิม เลียก-เมีย เบน สมิธ"

สยามรัฐ

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

">

วันที่ 25 ธ.ค.2568 นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามภารกิจ กล่าว จากที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นข้อมูลหลักฐานต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ดำเนินการกับกลุ่มสแกมเมอร์ที่ใช้ตลาดหุ้นไทยฟอกเงิน จนนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์ 10,165 ล้านบาท ของขบวนการสแกมเมอร์ในประเทศไทย เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเราเห็นว่าการจัดการกับกลุ่มฟอกเงิน กลุ่มสแกมเมอร์ ไม่สามารถที่จะปฎิบัติการได้ หากไม่มีคนไทยมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งจากการอายัดเงินของชาวต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสแกมเมอร์ แต่ยังไม่ได้มีการขยายวงออกไปสู่บุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางพรรคฯ จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งในหนังสือระบุดชัดว่าเบาะแสการตรสจสอบควรที่จะมีการตรวจสอบในจุดไหน บริษัทไหนบ้าง ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ประเมิน และต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้นว่า เจ้าของหุ้นที่แท้จริงคือใคร ก็คือตัวบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ที่รับออเดอร์ขายหุ้น ดังนั้น ก.ล.ต. ต้องกำชับโบรกเกอร์ด้วยว่า ให้ตรวจสอบเข้มงวดเป็นพิเศษกับกลุ่ม 7 บริษัทว่าใครกันแน่เป็นเจ้าของที่แท้จริง

“ตัวอย่างคือบริษัทบางจาก และบริษัทลูกของบางจาก คือ BCGP ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกัน ในทั้ง2 บริษัทนี้ทางผู้บริหารได้ออกแถลงการณ์ว่า หุ้นบางจากที่ถูกอายัดไปมูลค่า 6 พันล้านบาท เป็นพฤติกรรมของผู้ซื้อขายหุ้นไม่เกี่ยวกับบริษัทแต่อย่างใด แต่หลักฐานทำให้ ก.ล.ต.ควรที่จะตั้งคำถามว่า คำแถลงของผู้บริหารนั้น เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่”นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ขอให้ย้อนกลับไปดูว่ากลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสแกมเมอร์เข้ามาซื้อหุ้นนั้น หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 วันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท นำไปสู่การเอาตัวแทนกองทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นที่ถูกอายัด มาเป็นกรรมการบริษัทที่มีอำนาจลงนาม โดยไม่ได้ผ่านการพิจารณาของผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นการแต่งตั้งกรรมการอย่างเร่งรัด และมีข้อพึงสงสัยมากมาย ไม่นับว่าตัวบริษัทที่มีซื้อหุ้นบางจากจัดตั้งมาเฉพาะกิจเพื่อการนี้ และมีทุนจดทะเบียนเพียงแค่ 50 ล้านบาท แต่สามารถที่จะหาเงินมาซื้อหุ้นมูลค่า ณ วันนั้นได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท กรรมการท่านนั้น ณ วันนี้ ถูกถอดอำนาจการการลงนามไปแล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือ การแต่งตั้งเขาแต่แรก คณะกรรมการของบางจาก มีการตรวจสอบละเอียดหรือยังว่าท่านนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นตัวแทนของกองทุนที่มีแหล่งเงินมาจากไหน

นายกรณ์ กล่าวต่อว่านี่คือ1ในตัวอย่างของอีกหมายๆประเด็นที่ทาง ก.ล.ต.ควรที่จะเข้าไปตรวจสอบอย่างชัดเจน ในกรณี BCGP ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งทางบางจากถือหุ้นอยู่กว่า 60% ได้มีการอนุมัติเพิ่มทุนเป็นกรณีพิเศษให้กับ 2กองทุน ซึ่งเป็น 2 กองทุนที่มีพิรุธว่ามีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มสแกมเมอร์ข้ามชาติ และได้ถือหุ้นอยู่ไม่นานก็เริ่มมีการขายหุ้นออก โดยที่หลังจากนั้นก็ปรากฎว่ามีชื่อนายยิม เลียก นางคัทลียา บีเวอร์ ภรรยาของนายเบน สมิธ และมีชื่อธนาคาร BIC แคมโบเดีย มาเป็นผู้ถือหุ้นแทน ฉะนั้นก็เป็นคำถามกลับไปที่ผู้บริหารอีกว่าการออกหุ้นเพิ่มทุนในลักษณะนี้ ทำไม่ได้ ถ้าไม่มีมติเห็นชอบโดยคณะกรรมการบริหาร และมติเห็นชอบโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัทบางจาก ท่านได้ทำ KYC (กระบวนการตรวจสอบตัวตนลูกค้า) ได้ตรวจสอบก่อนหน้านั้นหรือไม่อย่างไร ว่าเบื้องหลังของกองทุนพิสดารที่ท่านได้อนุมัติขายหุ้นมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท ไปให้กับ2 กองทุนนี้ ได้มีการตรวจสอบว่าเป็นเงินสะอาดจริงหรือไม่ มาจากไหน เพราะวันนี้มีความชัดเจนแล้วว่าอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น

“ทั้งหมดนี้ จึงเป็นหตุให้พรรคประชาธิปัตย์ จำเป็นต้องเร่งรัดไปที่ ก.ล.ต. ให้เร่งปฏิบัติหน้าที่ ก่อนที่จะมีการย้ายเงินทองและทรัพย์สินต่างๆที่มาจากเงินที่ไม่สะอาดออกจากตลาดทุนของเรา ก่อนที่เราจะมีการดำเนินตามกฎหมาย”นายกรณ์กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...