โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ปิดเกมชายแดน! ทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ทำหนังสือถึงเลขาฯยูเอ็น ใช้โลกล้อมกัมพูชา

ไทยโพสต์

อัพเดต 22 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดหนังสือทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติถึงเลขา UN แจงปมกัมพูชายิงก่อน ละเมิดข้อตกลงสันติภาพเรียกร้องประชาคมโลกกดดันกัมพูชาหยุดยิง

10 ธันวาคม 2568 - นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต และผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ทำหนังสือถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ มีเนื้อหาว่า กระผมขอเรียนให้ท่านเลขายูเอ็น ทราบโดยเร่งด่วนถึงการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทยอย่างร้ายแรงล่าสุด อันเนื่องมาจากการรุกรานและการโจมตีทางอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุของกัมพูชาต่อไทย ดังนี้

  1. เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๔.๑๕ น. ทหารกัมพูชาได้เปิดยิงใส่ทหารไทยจากหน่วยกองพันทหารราบที่ ๑๓ ซึ่งปฏิบัติภารกิจปรับปรุงเส้นทางภายในดินแดนของไทยในพื้นที่ภูผาเหล็ก - ผลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ การโจมตีดังกล่าวทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ๒ นายโดยในจำนวนนี้ ทหารหนึ่งนายได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอกและทหารอีกหนึ่งนายถูกยิงบริเวณขาขวา

ทั้งนี้ทหารกัมพูชายังคงยิงใส่ทหารไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา ๑๔.๕๐ น

  1. เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๕.๐๕ น. ทหารกัมพูชาได้เริ่มโจมตีฐานทหารไทยโดยปราศจากการยั่วยุใด ๆ ในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ตามด้วยการโจมตีในวงกว้างอย่างไม่เลือกเป้าหมายตลอดหลายพื้นที่ภายในดินแดนของไทยในจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี

ต่อมา ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทหารกัมพูชายังได้ยกระดับการโจมตีอีกครั้งด้วยการยิงอาวุธหนักใส่ทหารไทยที่ประจำการในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ณ เวลา ๑๘.๐๐ น.การโจมตีรุกรานดังกลาวส่งผลกระทบต่อ ๕ จังหวัดของไทย ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต ๑ นาย และบาดเจ็บ๑๘ นาย

โดยในจำนวนนี้ ทหาร ๓ นายอาการสาหัส และมีประชาชนจำนวนกว่า ๔๐๐,๐๐๐ คน ต้องอพอพยพจากที่พักอาศัย โดยในจำนวนนี้ มีประชาชน ๒ ราย ที่เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายในระหว่างการอพยพ ตลอดทั้งวัน กำลังทหารกัมพูชาได้ดำเดินการโจมตีดินแดนของไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้สัดส่วนและผิดกฎหมาย

โดยเจตนามุ่งเป้า หมายโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ปฏิบัติการดังกล่าวใช้อาวุธหนักหลายชนิด รวมถึงเครื่องยิงระบบจรวดหลายลำกลอง ปืนครก และปืนกลหน้ก และยังเสริมด้วยการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักและกำลังพลของกัมพูชาตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง

  1. การโจมตีทางอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุและไม่เลือกเป้าหมายดังกล่าวของกัมพูชาต่อดินแดนของไทยในพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอุบสราชธานี และจังหวัดสระแก้ว เป็นการละเม็ดข้อ ๒ วรรค ๔ ของกฎบัตรสหประชาชาติ หลักการอยู่ร่วมกันฉันมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านและหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างรัฐอย่างชัดเจน เพื่อตอบโต้การกระทำดังกล่าว

ไทยจึงมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิโดยชอบธรรมโนการป้องกันตนเองตามข้อ ๕๑ ของกฎบัตรสหประชาชาชาติเพื่อรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และปกป้องความปลอดภัยของประชาชนไทย มาตรการป้องกันตนเองดังกล่าวดำเนินการตามกฎหมายระทว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน

มาตรการเหล่านี้จำกัดขอบเขต ได้สัดส่วนตามตามภัยคุกคาม และมุ่งเป้าเหมายเพื่อยับยั้งภัยอันตรายที่ชัดแจ้งจากทหารกัมพูชา โดยใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบและอันตรายต่อพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

  1. เป็นที่น่าเสียใจว่า ในทันทีภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ข้างต้น ทางการของกัมพูชาได้ตั้งใจเผยแพร่ข้อมูลเท็จ โดยกล่าวหาว่า ไทยเป็นฝ่ายเริ่มการโจมตีก่อน ในขณะที่ในความเป็นจริงแล้ว ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มยิงใส่ทหารไทยและดินแดนของไทยก่อน

การกระทำนี้แสดงถึงการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาอีกครั้ง ไทยขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการบิดเบือนข้อเท็จจริงและบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศ

  1. การโจมตีทางอาวุธล่าสุดของกัมพูชาสะท้อนรูปแบบความเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทวีความรุนแรงขึ้น รูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นตามมาหลังจากการ กระทำที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในลักษณะไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าและเป็นการยั่วยุของกัมพูชา ซึ่งรวมถึงการวางทุ่นระเบิด PMN-2 ใหม่ของกัมพูชาอย่างผิดกฎหมายในดินแดนของไทยหลายครั้ง ทำให้ทหารไทยพิการถาวร รวม ๗ นาย

โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ และต่อมา เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ทหารกัมพูชาจงใจเปิดยิงใส่ทหารไทยในดินแดนอธิปไตยของไทย

การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อพันธกรณีที่มีรวมกันภายใต้"ถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย" ลงนามโดยผู้นำของไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘ ผ่านการเป็นคนกลางในการประสานงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเขีย ในฐานะประธานอาเขียน และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

5. ประเทศไทยประณามอย่างรุนแรงต่อการรุกรานของกัมพูชา การโจมตีทางอาวุธโดยไม่เลือกเป้าหมายต่อพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน และสถานที่สาธารณะต่าง ๆ และเจตนาที่ปรากฏชัดในการทำร้ายกำลังพลของไทยภายในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย การกระทำที่เป็นปฏิบักษ์อย่างไร้ความรับผิดชอบและต่อเนื่องของกัมพูชาต่อไทยมีแต่จะเพิ่มความตึงเครียด ทำลายความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันภายใต้ถ้อยแรงร่วมฯ และข้อตกลงที่บรรลุโนกรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนที่ไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) อีกทั้งยังยังกัดกร่อนความไว้วางใจระหว่างกันซึ่งมีความจำเป็นต่อการมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์

  1. ในการนี้ ไทยเรียกร้องให้กัมพูชาชี้แจงอย่างครบถ้วน รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่และดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันไม่ไห้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก ไทยร้องขอประชาคมระหว่างประเทศให้เรียกร้องต่อกัมพูชาให้ยุติการกระทำอันเป็นปฏิบักษ์และการยั่วยุทั้งหมดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนชาวไทย ทำลายความมั่นคงชายแดน และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า กัมพูชาต้องปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเต็มที่ และแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ในการนี้ กระผมขอความอนุเคราะห์ให้เวียนหนังสือฉบับนี้ในฐานะเอกสารของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ ๘๐ ภายใต้ระเบียบวาระ ที่ ๓๑

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

เชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...