โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สศค.ชี้นโยบายทรัมป์ 2.0 กระทบส่งออกไทย แนะทางแก้เร่งกระจายตลาด

ทันหุ้น

อัพเดต 22 ม.ค. เวลา 02.21 น. • เผยแพร่ 22 ม.ค. เวลา 02.21 น.

สศค.ชี้นโยบายทรัมป์2.0 กระทบเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่การค้า-เศรษฐกิจ แนะส่งออกเร่งกระจายตลาดสู้มาตรการกีดกันการค้า หวั่นไทยเป็นแหล่งกระจายสินค้าจีนทำผู้ประกอบการเผชิญการแข่งขันรุนแรง

#ทันหุ้น นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มกราคม2568เวลา 12.00 . ตามเวลาท้องถิ่น กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ) (24.00 . เวลาประเทศไทย) นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ อาคารรัฐสภาและกล่าวสุนทรพจน์ประกาศการเริ่มต้น "ยุคทองของอเมริกา" (Golden Age of America) พร้อมเน้นแนวทาง "America First" ผ่านนโยบายส าคัญดังนี้

1.นโยบายต่างประเทศ: มุ่งเน้นการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ และเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศผ่านภาษีศุลกากร (Tariff) โดยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และการปกป้องภาคการผลิตและภาคเกษตรกรรมในสหรัฐฯ โดยการเพิ่มภาษีนำเข้าจากประเทศต่าง รวมถึงการแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้า รวมถึงจะมีการเจรจาทบทวนข้อตกลงการค้าใหม่ เพื่อสร้างความได้เปรียบและความเป็นธรรมแก่แรงงานและอุตสาหกรรมในประเทศ พร้อมส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ ย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มการจ้างงานในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมสำคัญ

2.พลังงานและเศรษฐกิจ: การยกเลิกนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่มีจุดมุ่งหมายในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Green New Deal) และยกเลิกข้อบังคับยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานและกระตุ้นการผลิตในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมน้ำมัน

3.การอพยพและความมั่นคงชายแดน: การประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณชายแดนใต้ เพื่อหยุดการอพยพผิดกฎหมาย พร้อมระบุว่ากลุ่มค้ายาเสพติดเม็กซิกันจะถูกจัดเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ

4.การปฏิรูปรัฐบาล: การยุติการควบคุมหรือการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลในการแสดงความคิดเห็นโดยหน่วยงานภาครัฐ (Government Censorship)

5.นโยบายสังคม: การรับรองเพศเพียงสองประเภทอย่างเป็นทางการ (ชายและหญิง) และการคืนสถานะให้แก่ทหารพร้อมทั้งจ่ายค่าตอบแทนย้อนหลังเต็มจำนวน กรณีที่ถูกปลดประจำการจากการคัดค้านนโยบายบังคับฉีดวัคซีน COVID-19

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้คาดการณ์ผลกระทบจากการดำเนินนโยบายภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0 ว่าอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานโลกการค้า และเศรษฐกิจของประเทศต่าง รวมถึงประเทศไทย

สำหรับด้านการส่งออกนโยบายกีดกันทางการค้าและการเพิ่มภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าส่งออกหลักของไทยไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้าเกษตร

ขณะเดียวกัน การที่สหรัฐฯ เพิ่มภาษีสินค้าจากจีน อาจทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการสินค้าจากไทยลดลงและมีความเป็นไปได้สูงที่จีนอาจระบายสินค้าสู่ตลาดเอเชียรวมถึงไทย ทำให้สินค้าของไทยอาจเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มยานยนต์ เคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง และสิ่งทอ

ทั้งนี้ แนวทางการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน สามารถทำได้โดย

1. มุ่งเน้นการกระจายตลาดส่งออกและแหล่งน าเข้า รวมทั งการขยายการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) และสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) รวมทั งการปรับภาคการผลิตโดยมุ่งเน้นสินค้ามูลค่าสูงและซับซ้อน เช่น ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ ชิ นส่วนสมาร์ทโฟน สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรพลังงานสะอาด

เป็นต้น เพื่อเพิ่มอุปสงค์ในตลาดโลก พร้อมทั งมีแผนพัฒนาแรงงานและส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต ขณะเดียวกัน สถานการณ์ดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้ไทยขยายการส่งออกสินค้าทดแทนจากจีนสู่ตลาดสหรัฐฯ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เหล็กและอะลูมิเนียม ผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าเกษตร เป็นต้นซึ่งมีศักยภาพในการขยายส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ และตอบสนองความต้องการของตลาดที่ก าลังปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานโลก

2. เร่งรัดการลงทุน นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากสหรัฐฯ ในไทยไม่มากโดยการลงทุนจากสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.3 ของเงินลงทุนต่างประเทศทั งหมด อย่างไรก็ตามการเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าในสหรัฐฯ อาจกระตุ้นการย้ายฐานการผลิตจากประเทศต่าง มายังไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ไทย ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ศูนย์ข้อมูล (Data Center) เป็นต้น นอกจากนีการพัฒนาแรงงานเฉพาะด้านและโครงสร้างพื นฐาน เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน เช่น การลดขั้นตอนการอนุมัติและการสร้างสิทธิประโยชน์ทางภาษี

าหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด จะช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบในการดึงดูดการลงทุนและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ

3. ส่งเสริมการท่องเที่ยว ผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐฯ ค่อนข้างจ ากัด เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2.9 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั งหมดในปี 2567 โดยนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมาจากจีน ญี่ปุ่น และยุโรป

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ ให้เดินทางมายังไทยมากขึ้นในขณะเดียวกัน การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ระบบชำระเงินดิจิทัล การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินและระบบขนส่ง รวมถึงการบูรณาการการส่งเสริมการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทั้งนักลงทุน

และนักท่องเที่ยว ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกล่าวในที่สุดว่า นอกจากนโยบายรองรับความไม่แน่นอนดังกล่าวแล้ว การดำเนินนโยบายการคลังปัจจุบันที่มีประสิทธิภาพ สามารถส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจและเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเป็นการดำเนินนโยบายการคลังเชิงบูรณาการมากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยดำเนินโครงการยกระดับประเทศไทยให้เป็น

ศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งขณะนี้ สศค. อยู่ระหว่างเสนอร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางทางการเงิน .. …. เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ซึ่งจะดึงดูดสถาบันการเงินชั้นนำและวิสาหกิจเริ่มต้นที่มีเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech Startup) มาประกอบธุรกิจในประเทศ โดยจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศและเพิ่มการจ้างงานที่มีคภาพและผลตอบแทนสูงในระยะยาว

ทั้งนี้ สศค. จะติดตามการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมรับมือและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจว่าการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในปัจจุบันและการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรการการคลัง จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2568 สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมาย

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...