โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

AIS ประคองรายได้ฝ่าโควิด ไตรมาสแรกปี'64 โต 7% ทะลุ 4.5 หมื่นล้าน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 30 เม.ย. 2564 เวลา 08.34 น. • เผยแพร่ 30 เม.ย. 2564 เวลา 08.34 น.
สมชัย เลิศสุทธิวงค์

เอไอเอส โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 รายได้รวม 45,861 ล้านบาท โต 7% เทียบปีที่แล้ว ทั้ง “มือถือ-เน็ตบ้าน”ฉลุย แต่กำไรสุทธิ ลด 1.7% เดินหน้าลงทุน 5G กรอบวงเงินเดิม 2.5-3หมื่นล. หวังดึงศักยภาพเทคโนโลยีฟื้นฟูประเทศ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ แม้จะมีการแพร่ระบาดระลอก 2 ปลายปี 2563 จนถึง 1-2 เดือนแรกปี 2564 แต่ก็ยังทำผลงานได้ในระดับที่น่าพอใจ จากความร่วมมือของบุคลากร ทั้งองค์กรที่มีความพร้อมในการปรับตัวรับกับสถานการณ์วิกฤตอยู่เสมอ เพื่อให้บริการลูกค้าได้เต็มประสิทธิภาพ

ควบคู่ไปกับการทำงานสนับสนุนภาคสาธารณสุขในมิติของการเสริมศักยภาพการทำงานด้วย AIS 5G เพื่อเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย ในทุกสถานการณ์วิกฤติ

สำหรับไตรมาสแรกปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมที่ 45,861 ล้านบาท เติบโต 7% (YoY) เทียบช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ลงลงเล็กน้อย 0.9% (YoY) แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นโดย EBITDA เติบโต 1.6% (QoQ) เป็นผลจาการบริหารจัดการต้นทุน แม้ว่ายังมีการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G แต่ AIS ยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายการขายและบริหารให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านกำไรสุทธิไตรมาสแรกปี 2564 ลดลง 1.7% (YoY) เป็นผลกระทบของ COVID-19 และการแข่งขันที่ยังสูงต่อเนื่องมายังปีนี้ ทั้งนี้กำไรสุทธิลดลงที่ 7.3% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) จากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในไตรมาส 4/2563

ภาพรวมรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสแรกปี 2564 ลดลง 3.2% (YoY) แต่โตขึ้น 1.2%(QoQ) เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากยอดผู้ใช้บริการใหม่ที่เติบโตสูง รวมถึงมาตรการจากภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน

โดยรายได้ในกลุ่มผู้ใช้บริการรายเดือน (Postpaid) ยังโตต่อเนื่อง มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 442,400 เลขหมายในไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน (Prepaid) ฟื้นตัวต่อเนื่องและมีจำนวนเลขหมายเพิ่มขึ้นสุทธิ 887,900 เลขหมาย ส่งผลให้ปัจจุบัน AIS ยังครองผู้ให้บริการอันดับหนึ่งที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดถึง 42,767,100 เลขหมาย ในขณะที่ตลาดยังคงเน้นแพ็กเกจดาต้าแบบใช้งานไม่จำกัดซึ่งเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่ลูกค้าต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G ซึ่งได้ขยายเครือข่าย 5G ครบ 77 จังหวัด โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2563 ซึ่งเมื่อจบไตรมาสแรก ปี 2564 AIS มีผู้ใช้บริการ 5G แล้วกว่า 7 แสนราย โดยตั้งเป้าสู่ 1 ล้านรายภายในปีนี้

สำหรับธุรกิจเน็ตบ้าน ยังได้รับปัจจัยบวกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งจากการทำงานที่บ้าน (WFH) ของบริษัทต่างๆ หรือแม้แต่การเรียนของนักเรียน นักศึกษา ที่การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็น โดยไตรมาสแรกงปีนี้ AIS Fibre มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 95,000 ราย หรือเพิ่ม 7% จากปลายปีก่อนหน้า ทำให้มีผู้ใช้บริการรวมกว่า 1.43 ล้านรายทั่วประเทศ

ถึงแม้ระดับรายได้เฉลี่ยรายเดือนต่อลูกค้าหรือ ARPU จะลดลงจากการแข่งขัน แต่ภาพรวมรายได้ยังเติบโตกว่า 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นรายได้ 1,919 ล้านบาท

นายสมชัย อธิบายต่อว่า “สัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจในไตรมาสแรกปีนี้ อาจไม่ได้ส่งผลต่อตัวเลขระยะยาว
เพราะขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการระบาดระลอกที่ 3 ของ COVID-19 อาจมีความรุนแรงกระทบต่อภาคธุรกิจตลอดทั้งปี แต่บริษัทยังเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่องตามงบประมาณที่ตั้งไว้กว่า 25,000-30,000 ล้านบาท เพื่อนำศักยภาพ 5G เข้าฟื้นฟูประเทศผ่านการทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมต่างๆ ในทุกมิติ

‘ผลประกอบการไตรมาสแรก แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท ประคับประคอง ตั้งรับ ปรับตัว และต่อสู้กับวิกฤติโควิด ที่เกิดจากความร่วมแรง ร่วมใจ ของชาว AIS เพื่อส่งมอบบริการและเทคโนโลยีดิจิทัลให้ลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อสนับสนุนภาคสาธารณสุขให้ขับเคลื่อนการรับมือกับโรคระบาดครั้งนี้ด้วยศักยภาพของ 5G เพื่อให้คนไทยและประเทศเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางความยากลำบากนี้” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...