กม.แบนซื้อขายนากอาเซียนจ่อมีผล 26 พ.ย.นี้ สกัดความนิยมทำเสี่ยงสูญพันธุ์
แม้ "นาก" จะได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่น แต่การห้ามซื้อขายเชิงพาณิชย์ ต่อสัตว์ชนิดนี้ กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ เพื่อปกป้องนากจากความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์เพราะถิ่นที่อยู่ถูกทำลาย และการลักลอบค้าอย่างผิดกฎหมาย
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ระบุว่า นาก อยู่ในกลุ่มสัตว์ที่มีความเสี่ยงจะสูญพันธุ์ หลังจากที่สัตว์ชนิดนี้ ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะสัตว์เลี้ยงในหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น
ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายนเป็นต้น นากจะกลายเป็นสัตว์ที่ห้ามซื้อขายในเชิงพาณิชย์ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส)
สำหรับในญี่ปุ่นนั้น มี "คาเฟ่นาก" เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ซึ่งที่คาเฟ่นากแห่งหนึ่งในเขตอิเคบูคุโระ มีนากจากอินโดนีเซียอยู่ราว 15 ตัว มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี ซึ่งโยชิอากิ นากายาสุ วัย 51 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของคาเฟ่นากแห่งนี้ และที่ฟุกุโอกะ อีกแห่งหนึ่ง บอกว่า เคยมีคนเข้ามาเสนอขายนากให้กับเขาหลายครั้ง
เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว นากายาสุได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ หลังมีชายคนหนึ่งนำนากที่มีลักษณะผอมแห้ง 2 ตัวมาเสนอขายกับเขา หลังจากนั้นไม่นาน ชายคนดังกล่าวก็ถูกจับกุม เพราะต้องสงสัยว่าจะลักลอบนำนากเข้ามา
"นากที่ถูกลักลอบนำเข้ามา จะถูกนำออกมาจากขายในฐานะสัตว์ที่เพาะพันธุ์ในประเทศ ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่น่าสงสัย แต่ในทางเทคนิคแล้วก็เป็นที่ยอมรับในตลาด" นากายาสุ กล่าว
ข้อมูลจากแทรฟฟิค กลุ่มติดตามการค้าสัตว์ป่า ระบุว่า ระหว่างปี 2558-2560 เจ้าหน้าที่สามารถยึดนากที่ถูกลักลอบนำออกจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ 59 ตัว ซึ่ง 32 ตัวในจำนวนนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ญี่ปุ่น
ทั้งการเก็บข้อมูล 4 ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปีที่แล้ว ยังพบว่า มีการโพสต์โฆษณาเพื่อซื้อขายตัวนากผ่านทางโลกออนไลน์ถึง 560 ครั้ง และมีตัวนากถูกขายไปเฉลี่ยกว่า 960 ตัว โดยในไทยมีโพสต์เสนอขายนาก สูงถึง 80 ชิ้น และพบตัวนากที่ถูกขายไปถึง 204 ตัว ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย
ในความพยายามที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับคำสั่งห้ามซื้อขายดังกล่าวนั้น กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นได้เตรียมควบคุมการซื้อขายนากในประเทศด้วยเช่นกัน โดยจะกำหนดให้นากที่นำเข้ามาก่อนคำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้ รวมถึง ที่เพาะพันธุ์ในญี่ปุ่น จะต้องลงทะเบียนเพื่อการขาย หรือขนย้ายภายในประเทศ
อย่างไรก็ดี ผู้คนในวงการสัตว์เลี้ยง พากันตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในคำสั่งห้ามดังกล่าว ที่พวกเขาบอกว่า ยังมีช่องโหว่อยู่
ขณะที่ทราฟฟิค เรียกร้องให้มีการตรวจสอบดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์แหล่งที่มา รวมถึง ใบรับรองการเกิดจากสัตวแพทย์ ในความพยายามที่จะป้องกันการแอบนำลูกนากที่ลักลอบนำเข้าประเทศมาขึ้นทะเบียนว่าเป็นสัตว์ที่เกิดขึ้นในประเทศ