โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สายด่วนเลิกเหล้า 1413 พัฒนาระบบส่งต่อผู้มีปัญหาสุรา นำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ

MATICHON ONLINE

อัพเดต 29 มิ.ย. 2565 เวลา 09.35 น. • เผยแพร่ 29 มิ.ย. 2565 เวลา 09.35 น.

สายด่วนเลิกเหล้า 1413 พัฒนาระบบส่งต่อผู้มีปัญหาสุรา นำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ

วันนี้ (29 มิถุนายน 2565) รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปรึกษาเพื่อการเลิกสุราและเสพติดทางโทรศัพท์ และทางออนไลน์ (1413 สายด่วนเลิกเหล้าเลิกเสพ) กล่าวว่า สายด่วน 1413 ร่วมกับภาคี จัดประชุมขึ้นเพื่อเชื่อมประสานเครือข่ายสถานพยาบาล ในการส่งต่อและติดตามผู้มีปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ทั้งต่อผู้ดื่มและต่อคนรอบข้าง สังคมโดยรวม ที่ทุกภาคส่วนจะต้องตระหนัก ทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสนับสนุนให้เกิดความช่วยเหลือผู้มีปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดจนเกิดระบบการส่งต่อผู้เข้ารับการบำบัดระหว่างระบบบริการสุขภาพกับชุมชน ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและประสบการณ์เพื่อให้เกิดข้อเสนอ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการช่วยเหลือติดตาม เกิดการสนับสนุนขับเคลื่อนภาคีเครือข่ายสถานพยาบาลในการส่งต่อและติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้มีปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถเข้าสู่การกระบวนการคัดกรอง บำบัดรักษา และติดตามต่อไปอีกด้วย

“หัวใจหลักของเวทีนี้ เพื่อต้องการให้เกิดความช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ยังไม่ได้เข้าระบบบริการ ให้ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยจะนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้น จึงจำเป็นที่ภาคีเครือข่ายสถานพยาบาลเพื่อให้เกิดระบบการส่งต่อติดตาม ระหว่างสายด่วน 1413 กับสถานพยาบาลในเขตพื้นที่ของกรุงเทพฯ สร้างพื้นที่เพื่อการรับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญผู้ปฏิบัติงาน ยิ่งช่วงเข้าพรรษานี้ คาดว่าจะมีจำนวนผู้ที่สมัครใจลดละเลิกเหล้าเข้ามาขอรับคำปรึกษาเพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อว่าการเชื่อมโยงระหว่างผู้ดื่มที่เริ่มมีปัญหาการดื่มกับระบบสุขภาพ จะนำไปสู่การส่งต่อติดตามผู้ต้องการลดหรือเลิกการดื่มได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” รศ.พญ.รัศมน กล่าว

นพ.พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนปฏิบัติการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ 7 มาตรการ ที่ใช้ในการขับเคลื่อน โดย 5 มาตรการแรก มาจากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ได้แก่ 1.ควบคุมและจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ ห้ามขายในบางสถานที่ บางเวลา ห้ามขายให้เด็ก หรือคนเมาจนตรองสติไม่ได้ เป็นต้น 2.ควบคุมการขับขี่หลังการดื่ม สนับสนุนให้ตำรวจตั้งด่านหรือหามาตรการลดจำนวนคนเมาบนท้องถนนลง 3.คัดกรองหรือบำบัดรักษาผู้ที่มีปัญหาจากการดื่ม 4.จำกัดการโฆษณา การให้ทุนอุปถัมภ์ ส่งเสริมการขาย เช่น การควบคุมการโฆษณา การห้ามจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เป็นต้น 5.ควบคุมราคาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผ่านกลไกภาษีสรรพสามิต รวมถึงหามาตรการควบคุมราคาใหม่ๆ

“ทั้งนี้ยังมีอีก 2 มาตรการ ที่จำเพาะสำหรับประเทศไทย คือ 6.ปรับเปลี่ยนค่านิยมการดื่ม โดยการสื่อสารประชาสัมพันธ์ หรือจัดแคมเปญ เช่น งดเหล้าเข้าพรรษา และ 7.การใช้กลไกของคณะกรรมการจังหวัดในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และโมเดลของสายด่วน1413 ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพ และได้ผลจริง เพราะช่วยเพิ่มการเข้าถึงของผู้มีปัญหาจากการดื่มสุราในการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้” นพ.พงศ์ธร กล่าว

ด้าน นพ.ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ผลสำรวจทางจิตเวชชี้ว่า คนไทยเป็นผู้ที่มีปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มสังสรรค์ หรือดื่มแบบติดกระจายอยู่แทบทุกภาคของประเทศ แต่คนเหล่านี้ไม่เคยมีใครเข้าไปช่วยคัดกรองชวนให้ลดละเลิก กว่าจะค้นเจอ ก็กลายเป็นคนที่ติดแอลกอฮอล์ในระดับหนักแล้ว และเมื่อยิ่งปล่อยให้ดื่มหนักมากเท่าไร โอกาสสำเร็จในการรักษาก็ยิ่งลดน้อยลง ทั้งนี้ สำนักงานฯ มีความพยายามขับเคลื่อนตามมาตรการที่ 3 ได้แก่ การคัดกรอง บำบัดรักษาและฟื้นฟูเพื่อให้ผู้มีปัญหาจากการดื่มเข้าถึงสิทธิได้ง่ายขึ้น จึงพยายามที่จะให้เกิดการคัดกรองเพื่อวินิจฉัยในช่วงเริ่มต้นกระจายในหลายพื้นที่มากขึ้น โดยมีกระบวนการสำหรับผู้ที่ติดแอลกอฮอล์อย่างหนัก ต้องส่งต่อผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาล หรือ ที่มีอาการติดแอลกอฮอล์ความเสี่ยงระดับปานกลาง สามารถรับบำบัดรักษาเบื้องต้น ณ จุดที่คัดกรอง หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้

“โมเดลสายด่วน 1413 ถือเป็นช่องทางการรับบริการ ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำทางไกลสำหรับผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ หรือญาติ ได้เข้าถึงการรับคำปรึกษาคุยกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงอีกส่วนหนึ่งจะเป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ให้การบำบัดกับผู้ติดก็สามารถขอรับคำปรึกษาได้ หรือในกรณีที่ยาก ก็สามารถขอคำปรึกษา แลกเปลี่ยนวิชาการ ช่วยพัฒนาระบบการบำบัดรักษาของประเทศไทยไปด้วยกัน” นพ.ธนัช กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...