โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

น้ำตาลขึ้นราคา อุ้มชาวไร่อ้อย กระทบเครื่องดื่ม-นม-เบเกอรี่

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 25 ม.ค. 2566 เวลา 04.08 น. • เผยแพร่ 25 ม.ค. 2566 เวลา 01.26 น.

สินค้าจ่อขึ้นราคาอีกระลอก หลังปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 1.75 บาท/กก. มีผล 20 ม.ค.66 ดันราคาน้ำตาลทรายขาวธรรมดาขึ้นเป็น 19 บาทต่อกก. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เป็น 20 บาทต่อกก. ตามข้อเสนอของชาวไร่เพื่ออุ้มราคาอ้อยขั้นต้นปี 65/66 ด้านกรมการค้าภายในบอก น้ำตาลทรายไม่ใช่สินค้าควบคุม ราคาขายปลีกเป็นเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ สอน.

หลังจาก โรงงานน้ำตาล ชาวไร่อ้อย และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ได้มีการหารือกันเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 และมีข้อสรุปให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย ณ หน้าโรงงานอีก 1.75 บาท/กก. ส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายขาวธรรมดาหน้าโรงงาน จากเดิมอยู่ที่ 17.25 บาท/กก. จะต้องถูกปรับขึ้นมาเป็น 19 บาท/กก. และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จาก 18.25 บาท/กก. ปรับขึ้นมาเป็น 20 บาท/กก. โดยมีผลในวันที่ 20 ม.ค. 2566 เพื่อราคาน้ำตาลดังกล่าวจะถูกนำมาใช้คำนวณเป็นราคาอ้อยขั้นต้นในฤดูการผลิตปี 2565/2566

โดยการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายครั้งนี้เป็นไปตามข้อเสนอของฝ่ายชาวไร่อ้อยที่แจ้งว่า ต้นทุนการปลูกอ้อยสูงขึ้นมากจากทั้งค่าปุ๋ย ค่าแรง และค่าน้ำมัน ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกที่จะนำมาคำนวณยังทรงตัวในระดับเดิม คือ เฉลี่ย 19 เซนต์/ปอนด์ มีผลทำให้ราคาอ้อยขั้นต้นไม่สูงมากนัก ประกอบกับที่ผ่านมาราคาขายปลีกที่แท้จริงได้ปรับตัวสูงไปมากแล้ว ทำให้ชาวไร่อ้อยเสียเปรียบในจุดนี้ จึงเสนอให้นำราคาจริงมาเฉลี่ยเพื่อปรับราคาน้ำตาลหน้าโรงงานให้สะท้อนข้อเท็จจริงตามระบบ Cost Plus

อย่างไรก็ตาม การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2565/2566 นั้น ทาง กอน.จะต้องหารือว่า จะนำผลของราคาน้ำตาลหน้าโรงงานที่ปรับขึ้นมาคำนวณเป็นราคาอ้อยขั้นต้น หรือจะเป็นราคาอ้อยขั้นสุดท้ายของปี 2565/2566

ล่าสุด เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ลงนามประกาศปรับราคาหน้าโรงงาน โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 6 (1) ของประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เรื่องการจัดทำงบประมาณรายได้ การกำหนดและการชำระค่าอ้อยและค่าผลผลิตน้ำตาลทรายและอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่และโรงงาน พ.ศ. 2562

จึงประกาศราคาน้ำตาลภายในราชอาณาจักร ประจำฤดูการผลิตปี 2565/2566 ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายฤดูการผลิตปี 2565/2566

สอน.ชี้ขาด ขึ้นราคา

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวถึง แนวทางการดูแลราคาขายปลีกน้ำตาลทรายภายในประเทศถือเป็นสินค้าที่อยู่ในกำกับดูแลของ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย โดยในส่วนราคาจำหน่ายปลีกก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทาง สอน. จะต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปว่า ราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายในประเทศจะปรับขึ้นเป็นเท่าไหร่ เนื่องจากปัจจุบันสินค้าน้ำตาลทรายไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็น “สินค้าควบคุม” ที่มีเพดานราคาจำหน่าย

“กรมการค้าภายในในฐานะหน่วยงานที่ดูแลค่าครองชีพประชาชนได้ให้ความเห็นไปแล้วว่า การปรับราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทรายจะกระทบกับผู้บริโภคโดยตรง ดังนั้นควรปรับขึ้นให้มีผลกระทบน้อยที่สุด แต่ไม่ได้ให้ตัวเลขว่า น้ำตาลทรายจะต้องปรับขึ้นไปเท่าไร เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเราที่เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรง แต่ก็ถือว่าสินค้านี้เกี่ยวข้องเพราะเราดูแลค่าครองชีพของผู้บริโภค”

“ส่วนกรณีที่ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วไปแจ้งว่า จะขึ้นราคาน้ำตาลทรายอีก 1.50 บาท/กิโลกรัม ในกลางเดือนหน้านั้น คงเป็นราคาที่คิดคำนวณกันเอง ไม่ใช่ราคาที่กรมการค้าภายในอนุญาต เพราะน้ำตาลเป็นสินค้าที่ไม่ได้มีการกำหนดราคาเพดานแล้ว”

อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาขายปลีกน้ำตาลทรายไม่จำเป็นที่จะต้องขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพียงแต่ขอความร่วมมือ ให้แจ้ง กกร. ซึ่งเป็นไปตามมาตรการบริหารเท่านั้น เพื่อที่จะให้กรมการค้าภายในพิจารณาได้ว่ามีความเหมาะสมหรือสอดคล้องกับต้นทุนหรือไม่อย่างไร

“ถ้าความเห็นของสองหน่วยงานไม่ตรงกัน ใครจะเป็นคนเคาะนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องพูดคุยหารือ คงไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราต้องขอได้ว่าหน่วยงานนี้จะเอาเท่านี้ โดยสรุปต้องเป็นข้อสรุปร่วมกัน ไม่ใช่ว่าสองหน่วยงานขัดแย้งกัน เห็นคนละอย่าง อย่างนี้ไม่ใช่ และไม่ใช่แค่หน่วยงานภาครัฐเห็นพ้องกัน แต่มันยังเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการด้วยอีกหลาย ๆ ส่วน” ร้อยตรีจักรากล่าว

ส่วนการ “จำกัด” ปริมาณการขายน้ำตาลทรายในห้างค้าปลีกต่อครอบครัว 6 ถุงนั้นยืนยันว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำตาลทรายไม่ขาดแคลน หรือหายไปจากตลาดแน่นอน เพราะน้ำตาลทรายมีสต๊อกเหลืออยู่อย่างน้อย 1 เดือน ที่สามารถขายอยู่ในราคาต้นทุนเดิม กรณีการพิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบนั้น จะพิจารณาเป็นรายสินค้า

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวเข้ามาว่า ถ้าราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้น 1 บาท/กก. ราคาขายปลีกน้ำตาลทรายขาวปัจจุบันที่ 22 บาท/กก. ก็ต้องปรับขึ้นเป็น 23 บาท/กก. ส่วนน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 23 บาท/กก. ก็ต้องปรับขึ้นเป็น 24 บาท/กก.

เครื่องดื่ม-ขนม-นมกระทบหนัก

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสําเร็จรูป กล่าวว่า เท่าที่ทราบการเจรจาขอขึ้นราคาน้ำตาล “ได้ข้อสรุปแล้ว” ส่วนการปรับราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลนั้นถือว่า เป็นสินค้าควบคุมขึ้นราคาไม่ได้จะต้องขออนุญาตกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันมีราคาเพดานคุมอยู่ที่ 23 บาท/กก.

“หากปรับราคาขึ้น ผู้ผลิตสินค้าที่ได้รับผลกระทบจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้น้ำตาลมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหาร สินค้าขนมหวาน กลุ่มผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ต และกลุ่มเบเกอรี่และขนมปังต่าง ๆ ส่วนอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปที่มีสัดส่วนการใช้น้ำตาลมากที่สุด คือ ผลไม้กระป๋อง ผลไม้อบแห้ง และเครื่องปรุงบางชนิดที่มีรสหวาน ใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบในอาหารราว 10-55% (ขึ้นกับชนิดอาหาร) จากการปรับราคานํ้าตาลหน้าโรงงานราว 10% ต้นทุนที่สูงขึ้นจะกระทบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดของสินค้า องค์กร แต่ละอุตสาหกรรมขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และรูปแบบการใช้น้ำตาลที่แตกต่างกัน”

อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐอาจจะต้องพิจารณาช่วงเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัวด้วย เพราะการปรับราคาจะมีผลต่อความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุนในการผลิตของสินค้าที่มีคำสั่งซื้อไปแล้ว

สินค้าจ่อขึ้นราคาเพียบ

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ในภาคอีสานกล่าวว่า จากการได้โทรศัพท์สอบถามเรื่องนี้ไปยังโรงงานผู้ผลิตน้ำตาลได้รับการชี้แจงในเบื้องต้นว่า จะมีการปรับราคาขึ้นโดยเฉลี่ยไม่เกินกิโลกรัมละ 1.50 บาท ในช่วงตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ดังนั้น ราคาขายส่งจากซัพพลายเออร์เข้ามาที่บริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1,016 บาท สำหรับกระสอบ 50 กก. จากเดิม 985 บาท หรือปรับขึ้นมากระสอบละประมาณ 30-32 บาท

“ช่วงนี้มีความเป็นไปได้ที่ค้าปลีกค้าส่งที่รู้ข่าวนี้อาจจะต้องการกักตุนสินค้า แต่ในทางปฏิบัติเชื่อว่าซัพพลายเออร์จะไม่ส่งสินค้าให้ตามออร์เดอร์ และอาจจะมีการกำหนดโควตาขึ้นมาเพื่อป้องกันการกักตุนและเก็งกำไร”

แหล่งข่าวยังกล่าวได้ว่า จากต้นทุนราคาน้ำตาลที่มีแนวโน้มเพิ่้มขึ้นดังกล่าว ประกอบกับน้ำตาลเป็นส่วนประกอบของสินค้าหลาย ๆ ชนิด ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง นมข้นหวาน โดยส่วนตัวเชื่อว่า ถัดจากนี้ไปอีกสักประมาณ 2 เดือน หรือปลายท มี.ค.-เม.ย. สินค้าเหล่านี้จะทยอยปรับราคาเพิ่ม หรือแม้กระทั่งกลุ่มนมยูเอชทีสำหรับเด็ก ตอนนี้ก็เตรียมจะปรับราคาขึ้นเช่นกัน และคาดว่าน่าจะเริ่มปรับราคาในต้นเดือน มี.ค.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป

“นอกจากต้นทุนน้ำตาลแล้ว ซัพพลายเออร์สินค้าต่าง ๆ ยังมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากค่าไฟ ค่าจ้างแรงงาน แพ็กเกจจิ้ง วัตถุดิบหลาย ๆ อย่างที่มีราคาสูงขึ้น”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...