ออกกฎกระทรวงใหม่ ทำธุรกรรมเงินสด 2 ล้านบาทขึ้น สถาบันการเงินต้องแจ้งปปง. คุมฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ราชกิจจานุกษา ได้เผยแพร่กฎกระทรวงว่าด้วย กำหนดจำนวนเงินสดและมูลค่าทรัพย์สินในการทำธุรกรรมที่สถาบันการเงินต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2559 ที่ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยกำหนดให้การรายงานการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินต่อสำนักงาน ในกรณีที่เป็นธุรกรรมตามมาตรา 13 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ให้กระทำเฉพาะที่เป็นธุรกรรม ดังต่อไปนี้ (1) ธุรกรรมตามมาตรา 13 วรรคหนึ่ง (1) มีจำนวนเงินสดตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไปเว้นแต่ธุรกรรมที่เป็นการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ตาม (2) ด้วย ให้รายงานเมื่อมีจำนวนเงินสดตั้งแต่หนึ่งแสนบาทขึ้นไป
(2)ธุรกรรมตามมาตรา 13 วรรคหนึ่ง (2) มีมูลค่าทรัพย์สินตั้งแต่ห้าล้านบาทขึ้นไปเว้นแต่ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการโอนเงินหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้รายงานเมื่อมีมูลค่าทรัพย์สินตั้งแต่เจ็ดแสนบาทขึ้นไป
ข้อ 4 การรายงานการทำธุรกรรมตามมาตรา 13 วรรคหนึ่ง (1) ของสถาบันการเงินซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินต่อสำนักงานตามมาตรา 13 วรรคหนึ่ง (1) เฉพาะธุรกรรมการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้รายงานเมื่อมีจำนวนเงินสดตั้งแต่ห้าแสนบาทขึ้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในท้ายกฎกระทรวงระบุว่าเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 13 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้สถาบันการเงินมีหน้าที่ต้องรายงานการทำธุรกรรมต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เมื่อปรากฏว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็นธุรกรรมที่ใช้เงินสดมีจำนวนเกินกว่าที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือเป็นธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกินกว่าที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งปัจจุบันการกำหนดจำนวนเงินสดและมูลค่าทรัพย์สินในการทำธุรกรรมดังกล่าวยังไม่มีความเหมาะสมและอาจใช้เป็นช่องทางให้ผู้กระทำความผิดมูลฐานนำไปใช้ในการฟอกเงิน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
คลิกที่นี่อ่านฉบับเต็ม