โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ปัญหาใหม่สะเทือนส่งออกจีน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 22 ส.ค. 2566 เวลา 05.59 น. • เผยแพร่ 22 ส.ค. 2566 เวลา 03.37 น.

กรมวิชาการเกษตรเชิญผู้ว่าฯชุมพรประชุมด่วนวันนี้ กำหนดมาตรการแก้ปัญหาทุเรียนส่งออกที่ได้รับการเตือนจากจีน สั่งตรวจสอบคุณภาพทุเรียนใต้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหมดฤดูกาล พร้อมขอความร่วมมือเกษตรกรและล้งคัดแยกเกรดทุเรียนให้ชัดเจน เพื่อส่งโรงงานแปรรูป หรือเพื่อการส่งออก

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากประเด็นข่าวทุเรียนไทยถูกจีนตีกลับเนื่องจากพบหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (Mudaria luteileprosa) กรมวิชาการเกษตรไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดยได้รับหนังสือการแจ้งเตือนจาก GACC ผ่านทางทูตเกษตรประจำกรุงปักกิ่งให้ตรวจสอบย้อนกลับแต่ละชิปเมนต์ของทุเรียนดังกล่าว

ในวันนี้ ( 22 สิงหาคม 66) ได้มอบหมายให้ ดร.ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ร่วมประชุมผ่าน zoom กับนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายดำรงศักดิ์ สินศักดิ์ ประธาน ศพก.ชุมพร ตัวแทนล้ง ประชุมด่วน ณ ห้องประชุมศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร เพื่อกำหนดมาตรการแก้ปัญหาทุเรียนส่งออกที่ได้รับการแจ้งเตือนจากจีน และการคัดเลือกทุเรียนคุณภาพเพื่อการส่งออก และให้ตระหนักถึงผลกระทบของการปนเปื้อนของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน รวมถึงวิธีการคัดเลือกผลทุเรียนปราศจากหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน

พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้นางสาวฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายชัยศักดิ์ รินเกลื่อน ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ตรวจสอบล้งทุเรียนในจังหวัดชุมพรตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยหลังจากที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วจะเตรียมสั่งระงับล้งที่ถูกแจ้งเตือนจากจีนกรณีที่ถูกแจ้งเตือนพบหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน

เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การส่งออกทุเรียนไทยในภาพรวมของประเทศ และข้อตกลงตามมาตรการสุขอนามัยพืชของทั้ง 2 ประเทศ ในประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช พ.ศ. 2563 กล่าวคือ ต้องรักษาสถานภาพการรับรองมาตรฐานที่ได้ขอขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตร

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรตรวจสอบคุณภาพทุเรียนใต้อย่างต่อเนื่องจนหมดฤดูกาล และมีการบูรณาการร่วมกับทุกฝ่ายที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ทุเรียนไทยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค คุมเข้มทุเรียนภาคใต้ส่งออกไปจีนต้องได้คุณภาพ ปลอดการปนเปื้อนศัตรูพืชอย่างเด็ดขาดและต้องตรวจสอบย้อนกลับได้

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 จีนได้ขึ้นทะเบียนให้กับสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ไทย 13 ชนิด โดยเป็นทุเรียนกว่า 72,488 แปลง พร้อมกับเตรียมเสนอของบประมาณจากรัฐบาลใหม่สนับสนุนการตรวจสอบควบคุมคุณภาพทุเรียนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตามการเพาะปลูกทุเรียนที่มีเพิ่มมากขึ้น มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันมูลค่าการส่งออกให้ถึงแสนล้านบาทต่อปีอย่างต่อเนื่องได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรได้วางแนวทางผลักดันทุเรียนไทยให้มีมูลค่าส่งออกแสนล้านต่อปีไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงระบบ e-Phyto ในการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate : PC) กับระบบของสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) การพัฒนา application ตรวจสอบปริมาณผลผลิตเชื่อมโยงกับระบบ e-Phyto เพื่อป้องกันการสวมสิทธิใบรับรอง GAP

ตลอดจนการพัฒนาระบบ e-Service สำหรับการรับรอง GAP ของแปลง การออกใบรับรอง DOA ของโรงคัดบรรจุ และการออกใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate : HC) และอนาคตยังมองไปถึงการจัดตั้งกองทุนทุเรียนคุณภาพไทย (Thai Quality Durian Fund) เพื่อนำรายได้จากการส่งออกส่วนหนึ่งมาต่อยอดพัฒนายกระดับการผลิตทุเรียนทั้งระบบให้มีคุณภาพมาตรฐานในระยะยาว สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน

“ทุเรียนไทยยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดจีนอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีทุเรียนคู่แข่งจากประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม และอนาคตยังไปต่อได้อีกไกล เพราะคนจีนกว่าครึ่งประเทศยังไม่ได้รับประทานทุเรียนไทย สิ่งสำคัญคือการรักษาคุณภาพให้มีความสม่ำเสมอ ตั้งแต่สวน โรงคัดบรรจุ ไปจนถึงการส่งออก และควรมีการวาง position ของทุเรียนเกรดพรีเมี่ยมของไทยให้มีราคาที่สูงขึ้นจากทุเรียนทั่วไป เพื่อเจาะตลาดระดับบนในจีนที่มีกำลังซื้อสูงด้วย

จึงขอให้มั่นใจว่ากรมวิชาการเกษตรพร้อมเป็นสายลมใต้ปีก ผลักดันการบริการ และอำนวยความสะดวกในการส่งออกผลไม้ เพื่อบรรลุเป้าหมายมูลค่าส่งออกแสนล้านบาทต่อปี สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน ภายใต้ภาวการณ์แข่งขัน” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...