ส่อง 'BMW XM' ใหม่-พลังปลั๊กอินฯ สปอร์ตอเนกประสงค์-สวยทรงเครื่อง

หลังจากคว้าแชมป์ยอดขายรถพรีเมียมในไทย เปิดปีมาได้ไม่เท่าไหร่ “บีเอ็มดับเบิลยู” ไม่รอช้า ส่งรถรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดในพลัน

นั่นคือบีเอ็มดับเบิลยู “XM” ใหม่ รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ (SAV – Sports Activity Vehicle) แบบปลั๊กอินไฮบริด

นับเป็นรถยนต์ตระกูล M รุ่นที่สองถัดจากบีเอ็มดับเบิลยู M1 อีกด้วย

ที่สุดของที่สุดคือขุมพลังอย่างโหด ความแรงระดับน้องๆ ซูเปอร์คาร์ก็ว่าได้

กระจังหน้าทรงไตคู่แบบ “Iconic Glow” ไฟหน้าแบบแยกส่วน ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างแบบต่อเนื่อง

ไฟหน้า Adaptive LED ระบบอัจฉริยะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและมอบแสงสว่างบนท้องถนนตลอดจนช่วงเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น

ระบบปรับการทำงานไฟสูงช่วยเปิดและปิดไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนหรือมีรถด้านหน้า

ด้านข้างมีแถบสี นึกถึงบีเอ็มดับเบิลยู M1 ทำให้รถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

โดยแถบตกแต่งด้านข้างรถ มีให้เลือก 2 สี คือสีทองและสีดำ พาดผ่านกรอบประตูและล้อรถ

ไม่เพียงเท่านั้น วิศวกรยังคงเอกลักษณ์เด่นของรถรุ่นเก่าที่โด่งดังมาใช้เป็นองค์ประกอบ

ไม่ว่าจะเป็นโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูที่กระจกหลัง และไฟท้ายทรงเรียว

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง “M” รอบคัน

ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 23 นิ้ว ลาย star spoke แบบสลับสี ซึ่งติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน

บีเอ็มดับเบิลยู XM ใหม่ มาพร้อมกับระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) สามารถปลดล็อกและสตาร์ตรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ

ประตูมีระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิด ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารขึ้นลงรถได้อย่างเงียบเชียบและนุ่มนวลมากขึ้น

ห้องโดยสารตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์

คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual Merino ดูสะดุดตาและหรูหรา

พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ให้ความรู้สึกสปอร์ต

เบาะนั่งตอนหน้าแบบ M Multifunctional พร้อมฟังก์ชั่นนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้า

ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึ่ม

เมื่อเปิดหลังคาก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่าง

BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว

ทำงานบนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ใหม่ล่าสุด

รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาแบบไร้สาย ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond ลำโพงขนาด 1,475 วัตต์ และลำโพงพิเศษอีกสี่ตัวบริเวณหลังคา

มีระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ “Iconic Sounds Electric” ให้เสียงขับที่กระตุ้นความตื่นเต้นแม้ในโหมดไฟฟ้า 100%

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน เย็นทั้งห้องโดยสาร

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo

ระบบขับเคลื่อน M HYBRID ให้กําลังรวมสูงสุด 653 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร

ด้านเครื่องยนต์สันดาปให้พละกำลังสูงสุด 489 แรงม้า ที่ 5,400-7,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที

ส่วนระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ 145 กิโลวัตต์ หรือ 197 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร

แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 25.7 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ

เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาที

ความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พร้อมระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive

โหมดขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า 100% ระยะทางไกลสุด 82-88 กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบเฟืองท้าย M Sport กระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ให้ตัวรถสามารถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น

ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ต และยังนุ่มนวลให้เวลาเดียวกัน

เทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัย จัดเต็มชุดใหญ่ไฟกะพริบ อาทิ

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้า ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย

ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้น

ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ

ระบบ Active Protection ติดตั้งมาเพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีขึ้น และช่วยตรวจจับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่

มีระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง เนื่องจากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ฯลฯ

มีสีภายนอกให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire, สีเขียว Cape York Green, สีดำ Carbon Black, สีเทา Dravit Grey, สีฟ้า Marina Bay Blue, สีขาว Mineral White และสีแดง Toronto Red

สีภายในกับหนัง BMW Individual “Merino” ให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Deep Lagoon, สีขาว Silverstone, สีดำ Black และ สีส้ม Sakhir Orange

ส่วนราคารอลุ้นอีกนิด เพราะช่วงเขียนต้นฉบับยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ •