โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เฉลยแล้ว!! ทำไม “ส้อม” ถึงต้องมี 4 ซี่

INN News

เผยแพร่ 06 พ.ค. 2567 เวลา 07.00 น. • INN News

ว่าด้วยเรื่องของส้อม อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับรับประทานอาหาร แต่รู้กันหรือเปล่าว่าที่มาที่ไปของส้อมที่เรานิยมใช้กันอย่างแพร่หลายนั้น ทำไมถึงมี 4 ซี่ วันนี้ ทางสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. จะมาไขข้อสงสัย ว่าทำไม ส้อม ถึงมี 4 ซี่ เอาล่ะไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย

ต้นกำเนิดของ 'ส้อม'

ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า ส้อมเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหารสร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 แต่นำมาใช้งานจริงในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นแบบแผนมารยาทการรับประทานอย่างตะวันตก โดยจุดประสงค์ของส้อมที่เกิดขึ้นมาในสมัยก่อน มีไว้เพื่อจิ้มอาหารเท่านั้น เลยออกแบบมาให้มีเพียง 2 ซี่ แต่พอเราเริ่มนำส้อมมาใช้ในวัตถุประสงค์อย่างอื่นมากกว่าการจิ้ม เช่น ตักอาหาร ก็เลยต้องเพิ่มความถี่ของซี่เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้น

ทำไมส้อมถึงต้องมี 4 ซี่

โดยการออกแบบส้อมมีตั้งแต่ 2 - 4 ซี่ ตามรูปแบบการใช้งาน ส้อม 2 ซี่เหมาะกับการจิ้มและตรึงเนื้อเพื่อหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่หลังจากที่ได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายของส้อม และเริ่มนำส้อมมาใช้ในวัตถุประสงค์อย่างอื่นมากกว่าการจิ้มและตรึงเนื้อ จึงออกแบบส้อมในลักษณะที่มี 3 - 4 ซี่

เพราะความถี่ของซี่ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น อีกทั้งส้อม 4 ซี่ยังเหมาะสำหรับใช้นำอาหารเข้าปาก ด้วยวิธีการจิ้ม เกลี่ย และ ปาด นั่นจึงทำให้ ส้อม 4 ซี่ กลายเป็นเป็นที่นิยมในหลายประเทศจนกลายเป็นเครื่องครัวสามัญ เพราะว่าการใช้งานของส้อม 4 ซี่ ค่อนข้างมีความหลากหลาย ดังนั้นเราจึงเห็นส้อม 4 ซี่ตามร้านอาหารทั่วไปมากกว่าส้อมรูปแบบอื่นๆ

และนี่ก็เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม “ส้อม” ถึงต้องมี 4 ซี่ ที่ทางเราได้รวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกัน หากชอบบทความแบบนี้สามารถติดตามสาระความรู้ ไลฟ์สไตล์โดน ๆ เพิ่มเติมได้ที่ iNN Lifestyle

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...