โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

กองทหารอูฐของ'มอริเตเนีย'ออกลาดตระเวนตามล่ากลุ่ม'ญิฮาด'

The Better

อัพเดต 29 พ.ค. เวลา 10.13 น. • เผยแพร่ 05 มิ.ย. เวลา 05.10 น. • THE BETTER

กองทหารที่สวมผ้าโพกศีรษะซึ่งนั่งอยู่บนหลังอูฐ สัตว์ที่ได้ฉายาว่า "เรือแห่งทะเลทราย" ภาพที่เห็นนี้อาจชวนให้นึกถึงภาพในอดีต แต่กองทหารม้าอูฐของมอริเตเนียมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มญิฮาดในปัจจุบัน

พวกเขาคือกลุ่มเมฮาริสต์ (Meharists) ซึ่งเป็นทายาทของหน่วยทหารขี่อูฐที่ก่อตั้งขึ้นในสมัยที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นจักรวรรดินิยมปกครองประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยผู้สื่อข่าวของ AFP ร่วมลาดตระเวนกับพวกเขาเป็นเวลาสองวัน

ทหารหลายคนสะพายปืนคาลาชนิคอฟไว้บนไหล่ ขณะที่โดรนรุ่นใหม่บุกทะลวงอากาศในทะเลทรายซาฮาราที่กำลังลุกไหม้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

ทางตะวันออกของมอริเตเนียคือประเทศมาลีมีพรมแดนที่เปิดโล่งและบางจุดมีการกำหนดเขตไม่ชัดเจน มีความยาว 2,200 กิโลเมตร (1,370 ไมล์) รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในแถบซาเฮล (ชายของทะเลทราบซาฮารา) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้อย่างบูร์กินาฟาโซและไนเจอร์ ล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของกลุ่มญิฮาด

เพื่อควบคุมพื้นที่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ มอริเตเนียจึงหันมาใช้อูฐโหนกเดียว ซึ่งเป็นพาหนะนำทางในภูมิประเทศที่เป็นทราย และสามารถเอาชนะรถออฟโรดได้

พันเอกมูลาเย อัล-บาชีร์ ผู้บัญชาการหน่วยกองกำลังแห่งชาติ กล่าวว่า "กลุ่มชนเผ่าเร่ร่อนสามารถส่งกำลังไปประจำการในพื้นที่ห่างไกลหรือเข้าถึงได้ยาก เพื่อให้แน่ใจว่ารัฐมีกองกำลังประจำการอยู่ที่นั่น"

กลยุทธ์ดังกล่าวดูเหมือนว่าจะได้ผลดี มอริเตเนียไม่เคยถูกโจมตีโดยกลุ่มญิฮาดเลยตั้งแต่ปี 2011

'รถเก๋ง' แห่งทะเลทรายซาฮารา
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หน่วยทหารขี่ม้าในทะเลทรายก็ลดจำนวนลงเหลือเพียง 50 นายเท่านั้น

ตั้งแต่ปี 2019 หน่วยนี้ได้รับการฟื้นฟู และปัจจุบัน "กลุ่มชนเผ่าเร่ร่อน" มีทหารขี่ม้าประมาณ 150 นาย รวมถึงฝูงอูฐอีก 400 ตัว

นักการทูตยุโรปคนหนึ่งบอกกับ AFP ว่ากลุ่มเมฮาริสต์ได้รับการสนับสนุนจากเงินช่วยเหลือหลายล้านยูโรจากสหภาพยุโรป ซึ่งมีความสนใจในการรักษาเสถียรภาพของมอริเตเนียที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิภาคที่ไม่มั่นคงทางการเมือง

ในเช้าวันนี้ ทหารหลังอูฐประมาณ 15 นายออกฝึกซ้อมเดินทางผ่านพุ่มไม้หนามและเนินทราย

ภายใต้คำแนะนำที่ส่งเสียงร้องผ่านสัญญาณวิทยุสื่อสารที่ดังกรอบแกรบ การฝึกซ้อมประจำวันคือการใช้โดรนเพื่อช่วยระบุและจับกุมคนขโมยวัว

เหล่าผู้ขี่ม้าต้องยกความดีความชอบให้กับอูฐโหนกเดียวหรืออูฐอาหรับเป็นอย่างมาก

อูฐโหนกเดียวไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและสามารถอยู่ได้หลายสัปดาห์โดยไม่กินหรือดื่มอะไรเลย พวกมันจึงเหมือนกับ "รถเก๋ง" ของทะเลทรายซาฮารา พันโทเอการ์ ซิดี ผู้บังคับบัญชากลุ่มซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันชาติ กล่าวติดตลก

พันเอกอัลบาเชียร์ยกย่อง "ความรู้สึกแห่งอิสรภาพ" ที่อูฐโหนกเดียวมอบให้กับเหล่าผู้ขี่บนหลังของพวกมัน

"สำหรับพวกเราชาวทะเลทราย อูฐโหนกเดียวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ เราใช้อูฐโหนกเดียวเป็นพาหนะ เพื่อเป็นนม เป็นเนื้อ"

'พันธะแห่งความไว้วางใจ'
กลุ่มเมฮาริสต์มีหน้าที่ในการรวบรวมข่าวกรอง ในพื้นที่ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงนูอากชอตของมอริเตเนียไปกว่า 1,000 กิโลเมตร และเป็นเขตที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลของแคว้นฮอธ เอช ชาร์กี ใกล้ชายแดนประเทศมาลี

ฮอธ เอช ชาร์กี เป็นพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมากข้ามพรมแดนมาจากมาลี โดยปัจจุบันค่ายมเบราเป็นที่อยู่ของผู้ลี้ภัยชาวมาลีประมาณ 140,000 คน ตามข้อมูลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)

คาดว่ายังมีอีกหลายคนอาศัยอยู่นอกเขตค่าย โดยหลบหนีจากการคุกคามของนักรบญิฮาดและภัยคุกคามจากการข่มเหงจากกองทัพมาลีหรือพันธมิตรทหารรับจ้างชาวรัสเซีย

ชาวมาลีส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้มาจากชนเผ่าเร่ร่อน ซึ่งข้ามพรมแดนไปยังพื้นที่ที่นักรบญิฮาดมักจะใช้เป็นพื้นที่คัดผู้คนเามาร่วมขบวนการ

การปรากฏตัวของกลุ่มเมฮาริสต์เป็นเพียงวิธีเดียวที่ทางการมอริเตเนียหวังว่าจะแสดงให้พวกเร่ร่อนเห็นว่า "รัฐมอริเตเนียยังมีอำนาจปกครอง" อยู่

เพื่อให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม สมาชิกของกลุ่มขี่ม้าได้รับการคัดเลือกจากชนเผ่าเบดูอิน ในขณะที่ผู้ขี่ม้าพยายามสร้างสะพานเชื่อมกับชาวทะเลทรายที่แข็งแกร่ง
“การดูแลปศุสัตว์ การติดตามคนขโมยวัว การตามหาสัตว์ที่หายไปซึ่งได้ส่งคืนเจ้าของ ถือเป็นการสร้างสายสัมพันธ์แห่งความไว้วางใจ” พันเอกอัลบาเชียร์กล่าว

พลจัตวา มเบอริก มัสซูดและลูกน้องอีกสี่คนเพิ่งตั้งค่ายพักแรมในคืนนี้ น้ำชาถูกต้มและกองไฟถูกจุดขึ้นเมื่ออากาศเย็นสบายในตอนกลางคืนปกคลุมทะเลทรายซาฮารา

มัสซูดลาดตระเวนในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่เข้าร่วมกองกำลังรักษาการณ์ในปี 2532

“พวกเรามาเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในระดับรัฐ เราให้การรักษาและยารักษาโรคแก่พวกเขา” พันเอกอัลบาเชียร์กล่าว

ควบคุมน้ำ ควบคุมทะเลทราย
ผู้ที่ต้องการข้ามทะเลทรายจะต้องข้ามผ่านบ่อน้ำหลายแห่งที่รัฐบาลมอริเตเนียสร้างขึ้นในจุดสำคัญต่างๆ ตามเส้นทางลาดตระเวนของกลุ่มเมฮาริสต์

“ใครก็ตามที่ควบคุมจุดน้ำได้จะควบคุมทะเลทราย” พันเอกอัลบาเชียร์กล่าว

นอกจากจะทำให้รัฐและคนในพื้นที่ติดตามผู้ที่พยายามเดินทางจากมาลีมายังมอริเตเนียได้ง่ายขึ้นแล้ว บ่อน้ำยังส่งเสริมให้ประชากรเร่ร่อนตั้งถิ่นฐานอีกด้วย

ในระหว่างการตรวจสอบหอเก็บน้ำในทะเลทรายแห่งหนึ่ง วิศวกรโครงการ Adama Diallo กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า "ในปี 2017 ไม่มีแม้แต่กระท่อมเลย"

"ปัจจุบัน มีชาวมอริเตเนียอาศัยอยู่ 50 ถึง 60 ครอบครัว ถือเป็นความสำเร็จ” เขากล่าว

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลได้สร้างสถานพยาบาลขนาดเล็กขึ้น ซึ่งช่วยให้ชาวเมืองไม่ต้องเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตรไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด

เพราะชีวิตของชาวเบดูอินที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงที่ถูกพายุทรายพัดถล่มนั้นยากลำบาก เพราะอุณหภูมิอาจสูงถึง 50 องศาเซลเซียส (122 องศาฟาเรนไฮต์)

“ที่นี่อยู่ไกลจากถนนสายหลักมาก เราไม่มีเครือข่าย ไม่มีรถ ไม่มีร้านค้า” บอดเดห์ วูล เชคด์ หญิงวัย 50 ปีในท้องถิ่นคนหนึ่งกล่าว โดยเธอปิดบังใบหน้าไว้

เนื่องจากมอริเตเนียคอยจับตาดูพลเมืองของตนอยู่เสมอ ความสำเร็จของประเทศในการต่อสู้กับกลุ่มญิฮาดจึงไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการปรากฏตัวของผู้ขี่ม้าแบบมีโหนกแก้มเพียงอย่างเดียว หรือด้วยโครงการพัฒนาในพื้นที่ทะเลทราย

อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นๆ ในแถบซาเฮล รวมทั้งชาดและไนเจอร์ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจในมอริเตเนียอย่างมาก

พันเอกอัลบาชีร์กล่าวว่าเขาหวังว่าจะสามารถฝึกหน่วยเมฮาริสต์อื่นๆ ในพื้นที่ได้ในไม่ช้านี้ และแบ่งปัน "ประสบการณ์ของชาวมอริเตเนีย" บนอานหลังอูฐอันแสนจะเพลิดเพลินใจ

Agence France-Presse

Photo by PATRICK MEINHARDT / AFP

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...