โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘ยาแรง’ จากไทย

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 25 มิ.ย. เวลา 03.52 น. • เผยแพร่ 25 มิ.ย. เวลา 03.52 น.

คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมี รมต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม นายกฯระบุว่า ประเทศไทยได้ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาระยะหนึ่ง และมีมาตรการอื่นที่เด็ดขาด ทำให้คดีลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ขณะนี้กัมพูชาถูกจับตาว่าเป็นฮับอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดในโลก เราต้องเพิ่มมาตรการในเรื่องนี้ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ขอบชายแดนที่มีปัญหาต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงดิจิทัลฯได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มแข็ง ทำให้กัมพูชาเสียรายได้ไปประมาณ 30,000 ล้านบาท จึงขอให้ทำต่อเนื่องและจะไม่หยุดอยู่ตรงนี้ จะทำเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เขาเสียรายได้มากเท่าไหร่จะกลายเป็นว่าประชาชนของเราปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

วันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด อันเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จากอุบลฯ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด เผยแพร่คำสั่งระบุว่า ทหารกัมพูชารุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ ส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด

จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่ รวมถึงยังปรากฏการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scam ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง จึงให้งดการผ่านเข้า-ออก ของยานพาหนะทุกประเภท, งดการเดินทางผ่านเข้า-ออกของประชาชน, นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และการค้าขายทุกประเภท

แต่อนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ตามความเหมาะสม และความจำเป็น เช่น ด้านการรักษาพยาบาล, การส่งต่อผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีเร่งด่วน และด้านการศึกษาของนักเรียน รวมทั้งการดำเนินการที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ถือเป็นการใช้ “ยาแรง” จากรัฐบาลไทย หลังจากก่อนหน้านี้ ไทยได้ปรับเวลาเข้า-ออกผ่านด่านชายแดน โดยรัฐบาลพุ่งเป้าไปที่ 1.การรุกล้ำอธิปไตยของไทยโดยทหารกัมพูชา และ 2.การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งปรากฏชัดเจนว่าหลังจากตัดอินเทอร์เน็ต น้ำมัน จากไทยแล้ว ทำให้คดีที่มีคนไทยเป็นเหยื่อจำนวนมาก มีตัวเลขที่ลดลง ถือเป็นการใช้มาตรการทางการบริหารจัดการปัญหาโดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการค้าชายแดน หากเปิดช่องให้เกิดการทำมาหากิน หรือไปมาหาสู่ โดยไม่กระทบความสงบสุข ก็น่าจะต้องดำเนินการไปพร้อมกัน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘ยาแรง’ จากไทย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...