โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สระแก้วปะทะเดือด! F-16 โจมตีเป้าหมายทางทหาร กัมพูชาเสียหายอย่างหนัก หลังระดมยิง BM – 21 ใส่ไทย

The Better

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE BETTER
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่สระแก้ว  กัมพูชาระดมยิง BM – 21 ไทยส่ง   F-16 โจมตีเป้าหมายทางทหารเขมรเสียหายอื้อ

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 10 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น.ว่ากองกำลังบูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในปัจจุบัน เป็นวันที่ 3 โดยมีการปฏิบัติใน 5 พื้นที่ ดังนี้

- พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา : หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 เข้าปฏิบัติต่อที่หมาย โดยเมื่อ 9 ธ.ค.68 สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้บางส่วนนั้น ในวันนี้ถูกต้านทานอย่างหนักจากฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะอาวุธวิถีโค้ง และจรวดหลายลำกล้อง BM – 21 กว่า 80 นัด ทำให้ไม่สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์

- พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง : หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ได้ยึดและควบคุมพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.68 และได้ดำเนินการสถาปนาที่มั่น โดยพัฒนาเป็นจุดต้านทานแข็งแรง ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการตอบโต้ด้วยอาวุธวิถีโค้งเป็นระยะ และในวันนี้ยังได้ระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM – 21 จำนวนกว่า 20 นัด ตกในพื้นที่หมู่บ้านและไร่นาประชาชนได้รับความเสียหาย

- พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง : หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 อยู่ระหว่างการเข้าปฏิบัติการต่อที่หมาย โดยฝ่ายกัมพูชามีการต้านทานอย่างหนักด้วยการยิงจากอาวุธชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะจรวดหลายลำกล้อง BM – 21 เข้ามายังบ้านเรือนที่ชาวกัมพูชาเคยรุกล้ำอาศัยอยู่ รวมถึงในหมู่บ้านและไร่นาประชาชนชาวไทยจนได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้มีเหตุการณ์การปฏิบัติที่สำคัญ คือ เมื่อเวลา 10.00 น. กองกำลังบูรพาและกองทัพอากาศไทย ร่วมปฏิบัติการทางอากาศ โดยเครื่องบินโจมตีแบบ F-16 โจมตีเป้าหมายทางทหารฝ่ายกัมพูชา จำนวน1 แห่ง ได้แก่ บก.ปชด.503 ตรงข้ามบ้านหนองจาน อ.โคกสูง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

- พื้นที่บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ : หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ มีการปะทะเป็นระยะๆ ด้วยอาวุธปืนเล็ก

- พื้นที่ อ.คลองหาด : หน่วยเฉพาะกิจที่ 13 วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ ซึ่งได้ตรวจพบรถสายพานลำเลียงพล 3 คัน ในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม คาดว่าจะทำการเพิ่มเติมกำลังให้กับหน่วยทางด้านทิศเหนือ จึงใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงขัดขวางการเคลื่อนที่ โดยปัจจุบันยังมีการตรึงกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย

สำหรับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ 8 ธ.ค.68 จำนวน 13 นาย รักษา รพ.วัฒนานคร และ รพ.โคกสูง ปัจจุบันทุกนายมีอาการปลอดภัย โดยวันนี้ได้รับรายงานกำลังพลได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 1 นาย คือ จ.ส.อ.รณชัย ทัศกร สังกัด ฉก.11(หน่วยปกติ ร.9 พัน.3) ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดขณะเข้าปฏิบัติการตามภารกิจ บริเวณใกล้เคียง จต.34 บ.หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง มีอาการแน่นหน้าอก ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย ส่งเข้ารับการรักษา รพ.โคกสูง อ.โคกสูง ปัจจุบันอาการปลอดภัย รวมกำลังพลได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น จำนวน 14 นาย นอกจากนี้ จากการที่ฝ่ายกัมพูชามีการใช้ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดรวมถึงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงใส่ฝ่ายไทยโดยไม่คำนึงถึงประเภทเป้าหมาย เป็นผลให้บ้านเรือนประชาชน ไร่นา เสาไฟฟ้าและถนน ในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูงและบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ใน 4 อำเภอ ได้มีการอพยพแล้ว จำนวน 180,683 คน คิดเป็นร้อยละ 83 ซึ่งทางจังหวัดสระแก้วร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 5 พื้นที่ ได้แก่ อ.เมือง, อ.โคกสูง, อ.วังน้ำเย็น, อ.เขาฉกรรจ์ และ อ.วัฒนานคร มีประชาชนเข้าพักอาศัย รวม 18,030 คน โดยศอ.จอส.พระราชทาน ภาค 1 (โดย ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.19) จัดตั้งโรงครัวพระราชทานปรุงอาหารแจกจ่าย ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยในวันนี้ กกล.บูรพา ได้ออกหนังสือแจ้ง เรื่องห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด (19.00 น.- 05.00 น.) ในพื้นที่ 4 อำเภอตามแนวชายแดน จ. สระแก้ว เพื่อให้การปฏิบัติการทางทหารเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

นอกจากนี้ได้รับรายงาน เมื่อเวลา 17.00 น. ชาวกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ เริ่มทยอยเดินทางกลับประเทศ บริเวณด่านถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยผ่านการตรวจสอบเอกสารก่อนเดินทาง ยอดรวมประมาณ 800 คน

กองทัพภาคที่ 1 โดย กองกำลังบูรพา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมและมีกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย และขอยืนยันว่าจะยืนหยัดปฏิบัติงานตามภารกิจ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ การปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินการภายใต้กฎการปะทะและสิทธิในการป้องกันตนเอง จนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จะยุติเพื่ออธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

ทภ.2 สรุปสถานการณ์ กัมพูชายังระดมยิง BM21 เข้าพื้นที่สำคัญ

กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ กัมพูชายังระดมยิง BM-21 โจมตีพื้นที่สำคัญหลายจุด ปราสาทตาควายเขมรใช่โดรนพลีชีพจำนวนมาก พร้อมยิงปืนออกจากตัวปราสาท ไทยยิงปืนใหญ่ตอบโต้เล็งที่ตั้งอาวุธฝ่ายข้าศึก เผยทำลายเครนก่อสร้างเพื่อให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 10 ธันวาคม 2568 (เวลา 17.00 น.) โดยระบุว่า

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเข้ามาในพื้นที่ฝ่ายไทยในหลายจุดสำคัญ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ โดย กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยปืนใหญ่ฝ่ายเรา ยิงไปยังที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนต่างๆ ของฝ่ายข้าศึกทุกพื้นที่ ตามหลักการป้องกันตนเอง ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด

สรุปการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชาห้วงตั้งแต่ 7-10 ธ.ค.68 เวลา 15.00 น. ฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธ BM-21 จำนวน 79 ครั้ง ลูกจรวด 3,160 นัด, ใช้ปืนใหญ่ จำนวน 122 นัด และใช้โดรน ทิ้งระเบิด(FPV) ต่อ ฝ่ายเรา จำนวน 63 ครั้ง 125 ลำ

พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาได้มีการปฏิบัติการโจมตีหลายครั้ง ได้แก่ การใช้อาวุธยิงสนับสนุนและการใช้ระเบิดขว้างในพื้นที่ช่องอานม้า, เนิน 677 และตลาดช่องอานม้าฝั่งไทย

พื้นที่พระวิหารฝ่ายกัมพูชาใช้เครนก่อสร้างในพื้นที่เป็นจุดตรวจการณ์ โดยมีการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาร์ ทำให้ในห้วงที่ผ่านมาฝ่ายทหารไทย ได้รับบาดเจ็บ และสูญเสียชีวิต ในวันนี้จึงได้ดำเนินการยิงทำลายเครนก่อสร้างดังกล่าว เพื่อทำให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร

พื้นที่ปราสาทตาควาย ฝ่ายกัมพูชามีใช้โดรนพลีชีพ FPV จำนวนมาก และ ชุด ชป.โดรน ฝ่ายเราถูกโดรนข้าศึกทิ้งระเบิด กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย ฝ่ายตรงข้ามมีการยิงปืนออกมาจากตัวประสาท ฝ่ายเราใช้พลซุ่มยิงในการยิงตอบโต้ ตามเหตุการณ์ และมีกระสุน BM-21 ตกในพื้นที่ อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ ประมาณ 20 นัด

นอกจากนี้ฝ่ายกัมพูชายังใช้อาวุธยิงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย โดยในวันนี้ตรวจพบการยิงอาวุธจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ใกล้เคียง โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ ห่างประมาณ 500 เมตร ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้ประเมินความเสี่ยงแล้ว จึงต้องรีบแจ้งเตือนให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเจ็บเข้าที่ปลอดภัย

สำหรับการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือกำลังพลที่บาดเจ็บ หน่วยแพทย์กองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมความพร้อมในการรักษาพยาบาล โดยทำการจัดตั้งที่พยาบาลพร้อมให้การรักษาพลเรือน และกำลังพลทหารเพื่อช่วยชีวิตในภาวะวิกฤต ก่อนที่จะส่งต่อการรักษาไปยังโรงพยาบาลในเขตหลัง โดยการส่งกลับผู้ป่วยดำเนินการด้วยรถพยาบาลเป็นหลัก และในกรณีผู้ป่วยวิกฤต ได้ประสานใช้เฮลิคอปเตอร์พยาบาล (Sky Doctor) เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด

กองทัพภาคที่ 2 จะดำเนินการทุกมาตรการเพื่อความมั่นคงปลอดภัย และรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มกำลัง

ตราดปะทะเดือด เขมรยิงปืน ค.กระสุน 5 ลูกตกกลางถนนในหมู่บ้าน ต.ชำราก

เวลา 17:35 น. ที่ผ่านมา (10 ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ตราด ว่ายังคงมีการปะทะกันอย่างดุเดือด โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ได้ระดมยิงปืนใหญ่ทำลายจุดยุทธศาสตร์ทางทหารของกัมพูชา ตั้งแต่เวลา 15.30- 16.30 น. หลังตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ได้เสริมกำลังอาวุธหนักเข้ามาประชิดพื้นที่ชายแดนตราด โดยทหารไทย ได้ยิงปืนใหญ่กว่า 20 นัด ส่วนทหารกัมพูชา ได้ยิงปืนใหญ่และกระสุนปืน ค.เข้ามาตกในพื้นที่ ต.ชำราก จำนวน 5 ลูก

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังได้สั่งปิดถนนบริเวณหมู่บ้านและห้ามไม่ให้มีการเข้าออกในพื้นที่ที่มีการปะทะโดยเด็ดขาด ส่วนทหารนาวิกโยธินตราด ซึ่งตั้งด่านอยู่ที่บ้านเนินสูง ได้ทำการปิดถนนสุขุมวิทไม่ให้ประชาชนและรถยนต์เดินทางไปยังพื้นที่ อ.คลองใหญ่ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากการปะทะ

อย่างไรก็ตามประชาชนใน ต.ท่าพริก ต.เนินทราย และต.วังกระแจะ รวมทั้งในเขตเทศบาลเมืองตราด เผยว่าได้ยินเสียงปืนใหญ่อย่างชัดเจนและขณะนี้ได้พากันเข้าไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...