DMT ทราฟฟิกแน่นขึ้น Q4 ปีนี้กำไรดีหลังขึ้นค่าทาง
#DMT #ทันหุ้น – DMT รับไตรมาส 4 โดดเด่นปริมาณการจราจรแน่นขึ้น ทำปีนี้ทราฟฟิกลดลงไม่มาก โฟกัสกำไรที่ได้อานิสงส์ปรับค่าผ่านทาง-คุมต้นทุนแกร่ง ลดค่าไฟได้ถึง 30% ปักธงปีหน้าทราฟฟิกโต 1-2% ด้านบริษัทลูกจะโดดเด่นในปี 2569 ลุยชิงเค้กโปรเจ็กต์รัฐ M82-M5
นางสาวบงกชรัตน์ ตั้งชูกุล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจและการเงิน บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เปิดเผยกับ“ทันหุ้น” ถึงภาพรวมการดำเนินงานว่า ช่วงไตรมาส 4/2568 ปริมาณการจราจรเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2568 ที่ปริมาณจราจรลดลง 6% ส่งผลให้คาดการณ์ว่าภาพรวมปริมาณการจราจรทั้งปีจะต่ำกว่าปีที่แล้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีที่ปริมาณการจราจรไม่ได้ลดลงมาก หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับเพิ่มค่าผ่านทาง
@ โฟกัส กำไรโตตามเป้า
สำหรับด้านรายได้ บริษัทได้รับอานิสงส์จากการปรับค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ซึ่งส่งผลบวกต่อรายได้ให้เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้บริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ (Bottom Line) ของปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
@ โชว์จัดการต้นทุน-ESG
ปัจจัยสำคัญที่ ทำให้ DMT รักษาความแข็งแกร่งของกำไรไว้ได้ คือการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) โดยเฉพาะการลดหน่วยการใช้ไฟฟ้าลงได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในระบบความยั่งยืน ทั้งการลงทุนในระบบ Solar Rooftop ติดตั้งครบถ้วนทั้งที่อาคารศูนย์ควบคุมการปฏิบัติงาน (MOC) และด่านเก็บค่าผ่านทางทุกด่าน
รวมถึงการใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าบนทางด่วน นอกจากนี้ยังมีการนำรถ EV มาใช้ทดแทนรถเดิมในบางส่วนเพื่อลดต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ผ่านระบบรีไซเคิล และการนำเทคโนโลยีระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ (ETC) มาใช้ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 45-47% ช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บค่าผ่านทางแบบเงินสด (MTC) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
@ กางแผนปีหน้าโตต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางในปีหน้า DMT คาดการณ์การเติบโตของปริมาณการจราจรที่ 1-2% สอดคล้องกับตัวเลข GDP โดยตั้งเป้าบริหารจัดการ EBITDA Margin ให้รักษามาตรฐานหรือดีกว่าปี 2568
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทลูกทั้ง 2 แห่ง ได้แก่เอ สยาม แม้จะต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยแต่ยังมีกำไรเป็นบวก ขณะที่ อัลฟ่า ดำเนินงานได้ตามแผนและคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเป็นบวก โดยเตรียมรับรู้รายได้จากงานที่เซ็นสัญญาในปีนี้เพื่อไปดำเนินการในปีหน้า
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้จากบริษัทลูกจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 100 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท ในปีหน้า ซึ่งจะสนับสนุนงบการเงินรวมให้แข็งแกร่งขึ้น
@ ประมูล M82และ M5
ในส่วนของแผนการขยายธุรกิจ DMT มีความพร้อมอย่างมากในการเข้าประมูลโครงการภาครัฐ โดยโครงการ M82 ซื้อซองประมูลแล้วเมื่อ 1 ธันวาคม และเตรียมยื่นซองในเดือนมีนาคม 2569 คาดว่าจะเปิดซองคุณสมบัติวันที่ 10 เมษายน และประกาศผลไม่เกินเดือนมิถุนายน 2569
ส่วนโครงการ M5 คาดว่าจะมีการขายซองประมูลต่อเนื่องในช่วงถัดไป ซึ่งบริษัทมีความพร้อมทั้งด้านการเงินและการบริหารจัดการเพื่อเข้าร่วมประมูลอย่างเต็มที่