“หน้าไม่อายทั้งคู่! “สายป่าน” ฟาดแรงกลางโซเชียล แช่ว่านก็ช่วยไม่ได้ถ้าผิดศีลข้อ3
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในโลกออนไลน์ สำหรับกรณีความสัมพันธ์ของนักร้องหนุ่ม โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ และสาว มายด์ พัชรบุษย์ ที่ล่าสุดฝ่ายหญิงได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวความรักและการเลิกราผ่านรายการชื่อดังอย่าง “โหนกระแส” ทำเอาหลายคนที่ติดตามถึงกับแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย
ข่าวที่น่าสนใจ
แพท วงเคลียร์ ฟาดแรง! “รักเดียวคือเรื่องปกติ เจ้าชู้ผิดปกติ” โดนใจคนทั้งโซเชียล!
เพจดังเปิดคลิป!! ‘มายด์-ณิชา’ ปะทะหน้าครั้งแรก แววตาเชิดหยิ่งทำชาวเน็ตซุบซิบสนั่น
ล่าสุด นักแสดงสาวมากฝีมืออย่าง สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ทนไม่ไหวกับประเด็นดังกล่าว จนต้องออกมาโพสต์ข้อความสุดแซ่บผ่านแอปพลิเคชัน Threads โดยระบุข้อความแรกว่า “หน้าไม่อาย ทั้งหญิงทั้งชาย แช่ว่านโกหกไม่ได้ แต่ผิดศีลข้อ 3 ได้” ซึ่งข้อความนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความหมายที่นักแสดงสาวต้องการจะสื่อ
เท่านั้นยังไม่พอ สายป่าน อภิญญา ยังได้โพสต์ข้อความต่อมาอีกว่า “หนูของแท้ คุณแม่เดือดเพราะคุณแม่ให้มา 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงนิสัยด้วยมั้ยคะ ภูมิใจแทนคุณแม่ค่ะ” ข้อความนี้ยิ่งทำให้หลายคนตีความไปถึงเรื่องราวส่วนตัวและความรู้สึกที่เธอมีต่อประเด็นดังกล่าวอย่างชัดเจน
หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว มียอดกดไลก์และแสดงความคิดเห็นมากมาย หลายคนเห็นด้วยกับสิ่งที่สายป่านโพสต์และเข้ามาคอมเมนต์สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ “ยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าสองคนนี้เหมาะสมกันดี”, “ผีเน่ากับโลงผุ ผู้ชายมักมาก”, “แช่ว่าน เค้าไม่ห้ามเยกันเหรอ แถไปเรื่อย ทั้งหญิงทั้งชาย หญิงก็ร่าน ชายก็ชั่ว”, “ถูกใจครับพี่ป่าน!!!”, “จริง หน้าไม่อายยังมีหน้าออกโหนกระแส อายแทนจริงๆ” เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวเน็ตบางส่วนที่แสดงความคิดเห็นแตกต่างออกไป มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่ควรที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับบุคคลอื่นได้
ทั้งนี้ ประเด็นความสัมพันธ์ของ โตโน่ ภาคิน และ มายด์ พัชรบุษย์ ยังคงเป็นที่จับตามองของสังคม และการออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาของ สายป่าน อภิญญา ในครั้งนี้ ก็ยิ่งทำให้ประเด็นดังกล่าวทวีความร้อนแรงขึ้นไปอีก คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องราวนี้จะจบลงอย่างไร และจะมีใครออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นนี้อีกหรือไม่