โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

รู้หรือไม่?...ปัจจุบันนอกเหนือจาก “ปัจจัยการผลิต”... ยังมีการนำ “เทคโนโลยี” มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 30 ม.ค. เวลา 06.07 น. • ดร.ธนัยวงศ์ กีรติวานิชย์

Where2put Ur Money: แน่นอนว่า ในการผลิตสินค้าและบริการใดๆ ย่อมต้องใช้ “ปัจจัยการผลิต” (Factors of Production) ด้วยกันทั้งนั้น โดย “ปัจจัยการผลิต” หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่นำมาใช้ร่วมกันผ่านกระบวนการผลิต กรรมวิธีการผลิต หรือการแปรรูปจนเกิดเป็นสินค้า และบริการเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคขึ้น ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์นั้น ได้มีการแบ่งประเภทของปัจจัยการผลิตออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.“ที่ดิน” (Land) หมายถึง พื้นที่ หรือสถานที่ตั้งรวมถึงทรัพยากรต่างๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ว่าทรัพยากรดังกล่าวจะเกิดขึ้นบนดิน อยู่เหนือดิน ภายในดิน หรือต่ำกว่าระดับพื้นดิน เช่น แหล่งน้ำตามธรรมชาติ ป่าไม้ น้ำมันดิบ และแร่ธาตุต่างๆ เป็นต้น โดยเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ได้สร้างขึ้น และยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปใดๆ ถือเป็นปัจจัยการผลิตที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ และมีปริมาณจำกัด ซึ่งผลตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติ จะเรียกว่า “ค่าเช่า(Rent)”
2.“ทุน” (Capital) หมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการผลิตโดยตรงร่วมกับปัจจัยการผลิตอื่นๆ เช่น เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ทุกชนิด รวมถึงสถานที่ซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิต เช่น อาคาร โรงงาน และสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น บางทีเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สินค้าทุน (Capital Goods) หรือทุนที่แท้จริง (Real Capital)”

“ทั้งนี้ ‘สินค้าทุน’ ถือว่าเป็น ‘ตัวชี้วัดกำลังการผลิต’ ที่เป็นจริงได้ดีกว่า ‘ทุนที่เป็นตัวเงิน’ (Moneyหรือ Financial Capital)ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์ถือว่า เงินทุนเป็นเพียงสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน จึงไม่นับเป็นทุนในทางเศรษฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสินค้าทุนมีความยุ่งยากในการคำนวณหาผลตอบแทน จึงมักตีราคาเป็นตัวเงินก่อน แล้วจึงค่อยมาคำนวณหาผลตอบแทนในรูปของ ‘ดอกเบี้ย (Interest)’อีกทีหนึ่ง”
3.“แรงงาน” (Labor) หรือ “ทรัพยากรมนุษย์” (Human Capital) หมายถึง การใช้กำลังกาย และกำลังความคิดของมนุษย์ รวมถึงความรู้ ความสามารถ ทักษะ ความชำนาญ และประสบการณ์ที่มีในการผลิตสินค้า และบริการ แต่ไม่รวมถึงความสามารถในการประกอบการซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตอีกประเภทหนึ่ง โดยสามารถแบ่งออกเป็น

  • แรงงานที่มีทักษะ (Skilled) มีความรู้ ความชำนาญ และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่จะใช้กำลังความคิดมากกว่าแรงกาย เช่น แพทย์ วิศวกร ทนายความ ที่ปรึกษาทางการเงิน และนักบัญชี เป็นต้น

  • แรงงานที่ไม่มีทักษะ(Unskilled) ซึ่งทำงานโดยใช้แรงกายเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องมีความรู้ ความชำนาญ หรือทักษะพิเศษแต่อย่างใด เช่น กรรมกร คนงานก่อสร้าง และคนงานรับจ้างทั่วไป เป็นต้น

“โดยแรงงาน จะได้รับ ‘ค่าจ้าง หรือ ค่าแรง (Wage)’ เป็นผลตอบแทนตามความรู้ ความสามารถ หรือทักษะของแต่ละคน”
4.“ผู้ประกอบการ”(Entrepreneur) หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่รวบรวมปัจจัยการผลิตทั้ง 3 ประเภทข้างต้นเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการผลิต หรือแปรรูปสินค้า และบริการ โดยเป็นผู้ลงทุนที่ตัดสินใจว่า จะผลิตอะไร ปริมาณมากน้อยเท่าใด ใช้เทคนิคการผลิตแบบไหน และผลิตแล้วจะขายให้แก่ใคร จึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับการผลิต สามารถรับความเสี่ยง และคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยผู้ประกอบการจะได้รับผลตอบแทน ที่เรียกว่า “กำไร(Profit)”
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจาก “ปัจจัยการผลิต” ในทางเศรษฐศาสตร์ข้างต้นแล้ว ทุกวันนี้ยังได้มีการนำ “เทคโนโลยี (Technology)” ที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า และบริการ หรือนำมาใช้เพื่อคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ซึ่งช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต และการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือนำมาช่วยออกแบบสินค้า และบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเองครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...