ความหมายและรูปแบบของการสร้างคำ คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน
เรียนรู้ภาษาไทย คำไทยที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีทั้งคำที่เป็น “คำไทยดั้งเดิม” และ “คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ” หรือ “คำที่ใช้เฉพาะในภาษาพูด” คำชนิดต่าง ๆ เหล่านี้ มีชื่อเรียกตามลักษณะ และแบบสร้างของคำ เช่น คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน ซึ่งคำเหล่านี้มีลักษณะพิเศษเฉพาะ และเพื่อให้น้องๆ ทำความเข้าใจลักษณะแตกต่างของคำเหล่านี้ได้มากขึ้น วันนี้เราจะพาไปเรียนรู้กัน
ความหมายและรูปแบบของการสร้างคำ
คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน
เริ่มต้นจาก คำมูล คือ?
คำดั้งเดิมจากภาษาใดก็ได้ มีกี่พยางค์ก็ได้ แต่ต้องมีความหมายในตัวเอง และถ้าคำใดมีหลายพยางค์ คำนั้นจะแยกพยางค์ออกจากกันไม่ได้ เช่น ข้าว ปลา กติกา เก้าอี้
*ตัวอย่างแบบสร้างของคำมูล *
คน : มี ๑ พยางค์ คือ คน
สิงโต : มี ๒ พยางค์ คือ สิง + โต
นาฬิกา : มี ๓ พยางค์ คือ นา + ฬิ + กา
ทะมัดทะแมง : มี ๔ พยางค์ คือ ทะ + มัด + ทะ + แมง
จากตัวอย่างแบบสร้างของคำมูล จะเห็นว่าเมื่อแยกพยางค์จากคำแล้ว แต่ละพยางค์ไม่มีความหมายในตัวหรืออาจมีความหมายไม่ครบทุกพยางค์ คำเหล่านี้จะมีความหมายก็ต่อเมื่อนำทุกพยางค์มารวมเป็นคำ ลักษณะเช่นนี้ ถือว่าเป็นคำเดียวโดด ๆ
คำประสม คือ?
คำมูลตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมารวมกันแล้วเกิดความหมายใหม่ อาจเป็นคำนามรวมกับคำนามหรือคำนามรวมกับคำกริยา หรือคำอื่นๆ ก็ได้ เช่น ดวงตา ปากกา ม้านั่ง แม่เหล็ก ชาวบ้าน
ตัวอย่างแบบสร้างคำประสม
แม่ยาย : เกิดจากคำมูล ๒ คำ คือ แม่ + ยาย
ลูกน้ำ : เกิดจากคำมูล ๒ คำ คือ ลูก + น้ำ
ภาพยนตร์จีน : เกิดจากคำมูล ๒ คำ คือ ภาพยนตร์ + จีน
จากตัวอย่างแบบสร้างคำประสม จะเห็นว่าเมื่อแยกคำประสมออกจากกัน จะได้คำมูลซึ่งแต่ละคำมีความหมายในตัวเอง
คำซ้ำ คือ?
คำมูลคำเดียวกัน ออกเสียง ๒ ครั้ง ซ้ำกัน โดยใช้ไม้ยมก (ๆ) ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย เช่น ลูกๆ หลานๆ พี่ๆ น้องๆ สาวๆ หนุ่มๆ ดีๆ เลวๆ หอมๆ เหม็นๆ
ตัวอย่างลักษณธคำซ้ำ
ความหมายคงเดิม คือ คำที่ซ้ำกันจะมีความหมายคงเดิม แต่อาจจะให้ความหมายอ่อนลง หรือไม่แน่ใจจะมีความหมายเท่ากับความหมายเดิม เช่น ตอนเย็น ๆ ค่อยมาใหม่นะ คำว่า เย็น ๆ ดูจะมีความหมาย อ่อนลง
ความหมายเด่นขึ้น เฉพาะเจาะจงขึ้นกว่าความหมายเดิม เช่น สอนเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่จำ พระเอกคนนี้ ล้อหล่อ เป็นต้น
ความหมายแยกเป็นส่วน ๆ แยกจำนวน เช่น กรุณาแจกเป็นคน ๆ ไปนะ จ่ายเป็นงวด ๆ (ทีละงวด) เป็นต้น
ความหมายบอกจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น เด็ก ๆ ชอบวิ่ง เธอทำอะไร ๆ ก็ดูดีหมด เป็นต้น
ความหมายผิดไปจากเดิม เช่น เรื่องหมู ๆ แบบนี้สบายมาก (เรื่องง่าย) รู้เพียงงู ๆ ปลา ๆ เท่านั้น (รู้ไม่จริง) เป็นต้น
คำซ้อน คือ?
คำที่เกิดจากการสร้างคำ โดยนำคำที่มีความหมายเหมือนกัน คล้ายกัน ตรงข้ามกัน หรือ มีความหมายเกี่ยวข้อกันในทางใดทางหนึ่ง มาเขียนซ้อนกัน เพื่อเน้นให้ความหมายชัดเจนขึ้น
คำซ้อนแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท
1. คำซ้อนเพื่อความหมาย เป็นการนำคำที่มีความหมายสมบูรณ์มาซ้อนกันตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไป เช่ย ใหญ่โต เสื่อสาด พูดจา เกรงกลัว เท็จจริง ผิดชอบ ลูกหลาน เป็นต้น
2. คำซ้อนเพื่อเสียง เป็นการนำคำที่มีเสียงคล้ายกันมาซ้อนกัน เพื่อให้ออกเสียงง่ายและไพเราะขึ้น เช่น ซุ่มซ่าม ตูมตาม รุ่งริ่ง งุ่มง่าม ตุกติก เป็นต้น