โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สุ่มตรวจเครื่องกดน้ำหยอดเหรียญ ป้องกันพบสิ่งปนเปื้อน

สวพ.FM91

อัพเดต 29 มิ.ย. 2566 เวลา 10.25 น. • เผยแพร่ 29 มิ.ย. 2566 เวลา 09.58 น.

นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รอง ผอ.ฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า มูลนิธิฯ ร่วมกับศูนย์สิทธิผู้บริโภค ทั้ง 33 เขต ระดมกำลังแกนนำชุมชน ลงพื้นที่สำรวจสถานที่ตั้งตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ 1,530 ตู้ ตั้งแต่กลางปี 2565 – ปัจจุบัน

ตลอด 1 ปี ยังพบปัญหาเดิม ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภคมากถึง 90% พบปัญหาน้ำดื่มไม่ปลอดภัย มีสิ่งปนเปื้อน อีกทั้งตู้กดน้ำหยอดเหรียญทั่ว กทม. จาก 1,530 ตู้ที่สำรวจ ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเพียง 150 ตู้เท่านั้น หรือคิดเป็น 10% ที่เหลือ 90% กลายเป็นตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเถื่อนที่ถูกติดตั้งและกำลังจ่ายน้ำให้ประชาชนบริโภค ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นกิจการที่ไม่ปลอดภัย

นอกจากนี้ ยังเจอปัญหาไม่มีฉลากที่ระบุเรื่องการควบคุมคุณภาพการเปลี่ยนไส้กรองน้ำ จำนวน 1,334 ตู้ คิดเป็น 87.2% และไม่มีการแสดงรายงานการตรวจคุณภาพน้ำจำนวน 1,392 ตู้ คิดเป็น 91% ผลสำรวจดังกล่าว เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ของปัญหาตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะเจ้าของสถานที่ติดตั้งตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ไม่ทราบว่าต้องมีการขออนุญาต หรือบางแห่งเป็นเพียงผู้ให้เช่าพื้นที่เท่านั้น รวมถึงบางกรณีเจ้าของสถานที่ซื้อตู้ต่อกันมาอีกทีและไม่มีทั้งใบอนุญาตและการทำความสะอาด เข้าใจว่าบริษัทที่ติดตั้งตู้จะมาทำความสะอาดให้ ที่สำคัญ ผู้ประกอบการได้ส่วนลดค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการตู้หยอดเหรียญ เหลือแค่ 500 บาทต่อตู้ จากเดิมสูงถึง 2,000 บาทต่อตู้ ในเมื่อภาครัฐลดหย่อนราคาให้แล้ว แต่ทำไมผู้ประกอบการยังทำพฤติกรรมเหมือนเดิม” นางนฤมลกล่าว

นางนฤมล กล่าวว่า อีกประเด็นคือ เจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยมาตรวจสอบ ทั้งที่ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นทางเลือกของผู้บริโภคในการซื้อน้ำดื่มราคาถูก หากไม่ปลอดภัยจะส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในวงกว้าง จากการสำรวจมา 1 ปีแล้ว พบข้อมูลดังกล่าว จึงถือโอกาสนี้ประกาศเปิดศึกกับธุรกิจตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญอันตราย เพื่อเดินหน้ามาตรการปกป้องสุขภาพของผู้บริโภค

กำหนดเริ่มเปิดแผนปฏิบัติการอีกครั้ง ตั้งแต่ต้น ก.ค. 2566 โดยเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค วางแผนปฏิบัติการสำรวจซ้ำจุดติดตั้งตู้น้ำดื่มที่เดิม ติดตามความคืบหน้ากรณี ผอ.มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เข้าพบนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อ มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้เร่งแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งรับทราบว่าได้สั่งการไปยัง 50 เขตลงพื้นที่ไปสำรวจตรวจสอบตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ แต่เหตุใดยังมีปัญหาเช่นเดิม

นางนฤมล กล่าวว่า มูลนิธิฯ เริ่มสำรวจตั้งแต่ปี 2559 รวมแล้ว 7 ปี ยังพบความไม่ปลอดภัยเหมือนเดิม ทั้งที่ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นทางเลือกของผู้บริโภคในการซื้อน้ำดื่มราคาถูกกว่าน้ำบรรจุขวดปิดสนิทที่มีการควบคุมคุณภาพในการผลิต อีกทั้งตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ 2535 ต้องขออนุญาตตามข้อบัญญัติ กทม. และต้องติดฉลาก

ทั้งนี้ มูลนิธิฯ และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค กทม. มีข้อเสนอแนะโดยขอให้ผู้ว่าฯ กทม. ออกมาตรการควบคุมธุรกิจตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นการเฉพาะ ได้แก่

  • เร่งตรวจสอบตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประกอบธุรกิจที่กระทำผิด เพื่อจัดการปัญหาตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • ออกข้อบัญญัติ กทม. ควบคุมการประกอบกิจการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ เป็นการเฉพาะเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การทำธุรกิจการติดตั้งตู้น้ำดื่มและให้มีบทกำหนดโทษ เพื่อให้น้ำที่ผลิตมีความสะอาดและปลอดภัย
  • ให้หน่วยงานรัฐร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายผู้บริโภคในพื้นที่ ขยายผลการตรวจสอบตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...