โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เจาะลึก !! เทรนด์ลงทุนครึ่งปีหลัง 2566

ทันข่าว Today

เผยแพร่ 12 มิ.ย. 2566 เวลา 08.00 น. • ทันข่าว Today

Highlight

ทิศทางการลงทุนจะเป็นอย่างไร หลังจากตลาดอิ่มตัวจากการซึมซับปัจจัยการเมืองในประเทศหลังผ่านการเลือกตั้งมาได้ราวหนึ่งเดือน และเริ่มหันมามองดูปัจจัยจากต่างประเทศมากขึ้น คุณติยะชัย ชอง, Head of Wealth and Preferred Segment Consumer Banking CIMBT กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงในเวลานี้คือ ถ้าหากเศรษฐกิจโลกและเอเชียชะลอตัวนานกว่าที่คาด อาจใช้เวลาข้ามปีในการฟื้นตัว เราจะรับมืออย่างไร ?

ในไตรมาสมาสแรกดูเหมือนว่าผลประกอบการจะดีขึ้น แต่เราต้องดูว่ามันมีความยั่งยืนหรือไม่ เหตุผลที่ขึ้นเพราะอะไร Earning quality เป็นอย่างไร ซึ่งอยากให้นักลงทุนระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม ยังมีเครื่องมือในการลงทุน ซึ่งเป็นตัวช่วยบริหารจัดการความเสี่ยง ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้
นักลงทุนไม่ควรลงทุนแบบ Market Timing หรือเลือกเวลาในการลงทุน โดยเฉพาะพอร์ตหลัก ยกตัวอย่าง S&P500 ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐ สำหรับการลงทุน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในเวลา 20 ปี จะได้รับกำไรกว่า 60,000 ดอลลาร์ แต่ถ้าเราพลาดช่วงสำคัญแค่เพียง 10 วันเราอาจพลาดกำไรที่ดีที่สุดไปราวครึ่งหนึ่ง หรือถ้าพลาดไป 20 วันก็ยิ่งลดลงไปอีกเยอะเลยทีเดียว
เหตุผลคือช่วงที่ตลาดผันผวน นักลงทุนจะยิ่งตื่นตระหนกและขายออก แต่ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เราสร้างกำไรได้สูงสุดเช่นกัน

20230612-a-01.png

ดังนั้นพอร์ตหลัก ควรลงทุนระยะยาว ไม่ควรใช้วิธี Market Timing ซึ่งพอร์ตหลักส่วนใหญ่จะลงทุน 50-70% ในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นเงินฝาก หุ้นกู้ คุณภาพดี ที่ให้ ผลตอบแทน 4% ขึ้นไป
ดัชนี SET ซึ่งมีความผันผวนและไม่แน่นอน ผลตอบแทนเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง รวมปันผลด้วย มีกำไรเฉลี่ย 3% ต่อปี
ถ้าสมมุติเราลงทุนในหุ้นกู้ชั้นดี ก็สามารถสร้างผลตอบแทน 4-6% ต่อปี ก็เป็นการลงทุนที่สามารถสร้างความมั่นคงได้
การแบ่งสินทรัพย์ลงทุนในพอร์ตหลักจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ ซึ่งส่วนใหญ่ CIMBT จะแนะนำลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งสามารถลงทุนในหุ้นกู้รายตัวได้ ซึ่งจุดเด่นของ CIMBT คือเป็นธนาคารในระดับ Reginal มีตลาดหุ้นกู้รองรับ
ดังนั้นในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนสามารถโยกเงินมาพักในตลาดตราสารหนี้ได้
ซึ่งมีให้เลือกทั้งหุ้นกู้ในประเทศและต่างประเทศ และสามารถขายคืนได้ โดยไม่ต้องลงทุนระยะยาว หรือถือจนครบกำหนด
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น แนะนำลงทุนในตราสารหนี้บริษัทจดทะเบียนที่มีความมั่นคงด้านรายได้และกำไร มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และถ้ารับความเสี่ยงได้มากขึ้น แนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังหุ้นกู้ต่างประเทศ
บริษัทขนาดใหญ่ของไทยบางบริษัท ก็ออกหุ้นกู้เป็นดอลลาร์สหรัฐก็มี เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ผลตอบแทนค่อนข้างดี 6-8% ถ้าเปรียบเทียบกับความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะสั้น

การบริหารจัดการพอร์ตในช่วงที่เงินเฟ้อสูง ซึ่งมีการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อไปกดเงินเฟ้อ จะส่งผลต่อทิศทางการลงทุนอย่างไร ?
คุณติยะชัยกล่าวว่า ในเรื่องนี้มีความเห็นที่หลากหลาย บางธนาคารมองว่าเรื่องเงินเฟ้อยังไปได้อีกไกลหรือใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขณะที่บางธนาคารวิเคราะห์ว่า เงินเฟ้อเริ่มทรงตัว และคาดว่าปีนี้ การขึ้นดอกเบี้ยก็เริ่มชะลอเช่นเดียวกัน
ในด้านการลงทุนโดยส่วนตัวมองไปที่บริษัทมากกว่าว่า ภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นนั้นบริษัทสามารถส่งต่อต้นทุนผ่านไปยังผู้บริโภคได้หรือไม่
ในระยะสั้น สิ่งที่สำคัญกว่าดอกเบี้ย คือปัจจัยพื้นฐาน หรือ Fundamental ของบริษัทนั้น โดยให้น้ำหนักในเรื่อง sustainability เช่น บางบริษัทปลดพนักงานออก ซึ่งอาจจะทำให้ผลประกอบการกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่ต้องดูว่ามีความมั่นคงหรือไม่

20230612-a-03.jpg

แนะนำการจัดพอร์ตการลงทุน
ยังเน้นพอร์ตที่มีความมั่นคง โดย 50%-70% ในหุ้นกู้ไทยคุณภาพสูง และสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้ ลงทุนในหุ้นกู้ต่างประเทศ 10%-20% ในธุรกิจที่เรามีความมั่นใจ และเข้าใจเป็นอย่างดี อาจจะเริ่มจากหุ้นกู้ดอลลาร์ที่ออกโดยบริษัทไทยก็ได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ความต้องการและความเสี่ยงที่รับได้ และพอร์ตหลักต้องมั่นคง
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้น แนะนำลงทุนในหุ้นต่างประเทศเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
1. หุ้นสหรัฐฯ เพราะมี Track Record ที่ยาว เช่น S&P500, Nasdaq ลงทุนระยะยาว ผลประกอบการค่อนข้างดี
2. ถ้าดูเป็น Tactical หุ้นจีนน่าสนใจ แม้จะผันผวน แต่บาง Sector น่าสนใจ เช่น กลุ่มธนาคาร เมื่อเรามีฐานที่มั่นคง เราจะมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นอเมริกา หุ้นญี่ปุ่น ก็น่าสนใจเช่นกัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...