โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

คลัง เตรียมอัดแพ็กเกจกระตุ้น บริโภค-ท่องเที่ยว ปลายปี ดันจีดีพีปีนี้โตเกิน 2%

Khaosod

อัพเดต 22 ส.ค. เวลา 08.38 น. • เผยแพร่ 22 ส.ค. เวลา 08.32 น.

คลัง เตรียมอัดแพ็กเกจกระตุ้น บริโภค-ท่องเที่ยว ปลายปี ลุ้นจีดีพีปีนี้โตเกิน 2%

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวทางในการจัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการเสริมกำลังซื้อและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะประกาศในจังหวะเวลาที่เหมาะสม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าจะเป็นมาตรการลักษณะใด สำหรับมาตรการด้านการท่องเที่ยว นั้น อยู่ระหว่างการหารือรายละเอียด โดยคาดว่าจะสามารถออกมาตรการใหม่ได้ทันก่อนเข้าสู่ไตรมาส 4 ของปี เพื่อหนุนการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งยืนยันว่าเป้าหมายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้กว่า 2% ยังสามารถทำได้ “สำหรับจีดีพีที่จะโตได้มากกว่า 2% มาจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยมาตรการลดหย่อนภาษีด้านการท่องเที่ยวอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น และยังเหลืองบประมาณอีกราว 26,000 ล้านบาท ที่โอนจากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ไปเพิ่มในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น” นายจุลพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้รัฐบาลมีมาตรการภาษีรองรับอยู่แล้วเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงที่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น โดยเฉพาะประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ซึ่งเป็นนโยบายที่ส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยแรงงานจะได้รับประโยชน์ แต่ภาคเอกชนต้องเผชิญต้นทุนเพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมา รัฐบาลเคยใช้กลไกทางภาษี เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกอบการ และในรอบนี้ก็จะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน หากมาตรการที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ กระทรวงการคลังพร้อมพิจารณามาตรการเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดสมดุล ลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และยังคงเป็นประโยชน์ต่อแรงงาน

“ทุกมาตรการถือเป็นเรื่องเร่งด่วน รัฐบาลรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่ายและพร้อมดำเนินการ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายจุลพันธ์กล่าว

สำหรับเงินงบประมาณจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ที่ยังเหลือวงเงินอีกประมาณ 26,000 กว่าล้านบาท มีข้อเสนอมาจากสำนักงบประมาณ และมีวิธีการว่าจะดำเนินการอย่างไร นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตาม คงไม่ได้เป็นลักษณะของโครงการ เนื่องจากคงเป็นไปได้ยากเพราะว่าไม่สามารถผูกพันงบประมาณได้ทัน เพราะเหลือระยะเวลาอยู่เพียง 1 เดือนเท่านั้น โดยงบกลางไม่สามารถกันเหลื่อมไว้ในลักษณะดังกล่าวได้ ดังนั้นจะต้องดำเนินการผูกพันให้ทัน

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการรับมือผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หรือ “ภาษีทรัมป์” รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์กัมพูชา ว่า รัฐบาลได้เตรียมการรองรับอย่างรอบด้าน โดยธนาคารของรัฐอย่าง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะถูกใช้เป็นกลไกสำคัญในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) และมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ตามนโยบายกึ่งการคลังที่ ครม. อนุมัติ

“ธนาคารมีผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราพิเศษอยู่แล้ว แต่หากต้องมีการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การพักชำระดอกเบี้ยหรือปลอดต้น รัฐบาลต้องใช้นโยบายกึ่งการคลัง โดยให้ ครม. อนุมัติและส่งต่อให้ธนาคารของรัฐดำเนินการ ซึ่งทั้ง ธ.ก.ส. และเอสเอ็มอีดีแบงก์ก็พร้อมรองรับทันที” นายจุลพันธ์กล่าว

ทั้งนี้ 2 ธนาคารอยู่ระหว่างการประเมินจำนวนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ และเตรียมนำเสนอต่อบอร์ดเพื่อออกมาตรการเฉพาะ ขณะที่รัฐบาลยอมรับว่าปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อยาก จึงจำเป็นต้องออกมาตรการเสริม โดยเฉพาะการเชื่อมโยงธุรกิจเอสเอ็มอีกับภาคเกษตรเพื่อสร้างความยั่งยืน

สำหรับ แหล่งงบประมาณ ที่จะนำมาใช้บรรเทาผลกระทบ นายจุลพันธ์ยืนยันว่า รัฐบาลมีหลายช่องทาง ทั้งงบกลาง กองทุนเพิ่มขีดความสามารถ และกลไกทางกฎหมาย เช่น มาตรา 28 โดยไม่กังวลเรื่องการจัดหาเม็ดเงิน แต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้เงินอย่างตรงจุดและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ขณะนี้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันที่ 1 – 2 ก.ย. 2568 ส่วนวุฒิสภาจะพิจารณาเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับวุฒิสภาไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยืนยันว่าจะผ่านการผ่านวุฒิสภาทัน 1 ต.ค. 2568 แน่นอน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : คลัง เตรียมอัดแพ็กเกจกระตุ้น บริโภค-ท่องเที่ยว ปลายปี ดันจีดีพีปีนี้โตเกิน 2%

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...