โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

เหยื่อหุ้น STARK ร้องรมว.ยุติธรรม หลังไม่ได้รับชดเชย ถูกอ้าง "การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง"

The Better

อัพเดต 03 เม.ย. 2567 เวลา 05.19 น. • เผยแพร่ 03 เม.ย. 2567 เวลา 05.16 น. • THE BETTER
ผู้เสียหายหุ้น STARK พบรัฐมนตรียุติธรรม ขอความเป็นธรรมหลังถูกตัดสิทธิไม่ได้รับชดเชยความเสียหายจากการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด อ้างการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเกิดความเสียหายก็รับกันไปเอง

ตัวแทนของกลุ่มนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ตกเป็นเหยื่อเสียหายจากหุ้นSTARK จำนวน มากกว่า 20,000 คน มูลค่าความเสียหายรวมกันมากกว่า 73,000 ล้านบาท ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเรียกร้องอำนวยความยุติธรรมคืนให้กับผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยต้องนับเป็นผู้เสียหายโดยตรงที่ต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ์โดยจ่ายชดใช้สินไหมทดแทน จะยกเหตุอ้างว่า”การลงทุนในตลาดหุ้นย่อมมีความเสี่ยง เมื่อเกิดความเสียหายมาก็ต้องยอมรับ”ย่อมไม่ได้เพราะกรณีนี้ไม่ใช่การลงทุน และความเสี่ยงตามปกติธุรกิจ แต่เกิดจากการตกแต่งปลอมแปลงบัญชีเท็จ หลอกลวงผู้ลงทุน และทุจริตฉ้อโกงประชาชนอย่างผิดกฎหมาย

นายประเสริฐ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้แทนของกลุ่มผู้ลงทุนที่เสียหายร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ว่า ครอบครัวของเขาเสียหายจากการลงทุนในหุ้นSTARKจำนวน 140ล้านบาท และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆอีกราว 20,000 คน ที่ได้รับความเสียหาย โดยมูลค่าหุ้นตามราคาตลาดเคยสูงถึงราว73,000ล้านบาท ตอนนี้ไม่เหลือมูลค่า เมื่อมีการดำเนินคดีต่อSTARKและผู้บริหาร ตอนแรกก็ดูจะได้รับความเป็นธรรม เพราะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) แจ้งว่าได้อายัดทรัพย์จากผู้กระทำผิดเบื้องต้นราว3,000ล้านบาท มาชดเชยให้กับผู้เสียหาย แจ้งให้ผู้ลงทุนในตลาดหุ้นSTARKยื่นคำร้องขอความคุ้มครองสิทธิ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 20 พฤษศจิกายน 2566 ( https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/12935.pdf ) โดยให้แจ้งบัญชีซื้อขายหุ้น และมูลค่าการซื้อขาย หลักฐานการซื้อขายหุ้นมายังปปง.ภายในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567

แต่แล้วในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางกรมสอบสวนพิเศษ(DSI)มีหนังสือแจ้งมายังผู้เสียหายที่เป็นผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไม่เข้าข่ายเป็นผู้เสียหายโดยตรงในความผิดอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าบริษัทSTARKกับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ลงทุนหุ้นสามัญSTARK จึงไม่สามารถระบุความเสียหายทางอาญาได้

นอกจากนั้น ไม่เพียงแต่DSI แต่ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง คือ ปปง. และกรมบังคับคดี ต่างก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เห็นว่า ผู้ลงทุนในตลาดหุ้นนั้นย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า”การลงทุนในหลักทรัพย์ย่อมมีความเสี่ยง”เมื่อเกิดผลเสียหายอันเกิดจากการลงทุนก็ย่อมต้องยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุน ซึ่งผู้เสียหายจากการลงทุนในหุ้นSTARKไม่ได้เห็นเช่นนั้น เนื่องจากเหตุผลดัวต่อไปนี้

1.กรณีSTARKไม่ได้เป็นการลงทุนและความเสี่ยงตามปกติในตลาดหลักทรัพย์ แต่ผู้บริหารบริษัทได้ยอมรับในภายหลังว่าเกิดจากการตกแต่งปลอมแปลงบัญชีเท็จ หลอกลวงให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิด จากผลการดำเนินงานจริงขาดทุนมหาศาล แต่แจ้งเท็จว่ามีผลกำไรมหาศาล ทำให้ผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หลงเชื่อเข้ามาซื้อหุ้นลงทุน

2.ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท คือนายวนรัชต์ ตั้งคารวะคุณ ได้กระจายขายหุ้นที่เคยถืออยู่มากกว่า95%ออกมายังผู้ลงทุนประเภทสถาบัน และรายใหญ่ จากนั้นก็แจ้งผลการดำเนินงานอันเป็นเท็จ และผู้บริหารให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อหุ้นต่อจากผู้ลงทุนสถาบัน และรายใหญ่ที่จำหน่ายกันมาเป็นทอดๆ ผลประโยชน์ก็ย่อมไปตกอยู่กับผู้ถือหุ้นใหญ่ของSTARKที่เป็นผู้กระทำความผิด ดังนั้นผู้ลงทุนรายย่อยย่อมถือเป็นผู้เสียหายโดยตรง

3.ต่อมาSTARKได้จำหน่ายขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้กับผู้ลงทุนประเภทสถาบันจำนวน1,500ล้านหุ้น หุ้นละ3.72บาท รวม5,580ล้านบาท อ้างว่าจะนำไปซื้อกิจการในประเทศเยอรมนีเพื่อขยายการลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนประเภทสถาบันก็นำหุ้นที่ได้มา ขายในตลาดหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อยเป็นทอดๆ ก็ย่อมนับได้ว่าผู้ลงทุนรายย่อยคือผู้เสียหายโดยตรงในความผิดอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน

การที่ส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจไม่ถูกต้อง และได้ปฏิเสธที่จะชดใช้สินไหมทดแทนความเสียหายให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อย ทั้งที่เป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการตกแต่งปลอมแปลงบัญชีเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงประชาชนดังกล่าว ย่อมมีผลกระทบทางลบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดทุนไทย จะเห็นได้ว่าหลังกรณีนี้ มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้หดตัวลงอย่างหนัก นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศพากันหยุดหรือชะลอการลงทุน และตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุดในโลก มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเสียหายไปมากกว่า 4 ล้านล้านบาท จึงขอวิงวอนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้โปรดอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้แก่ตลาดทุนไทยโดยเร็ว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการะทรวงยุติธรรม กล่าวกับตัวแทนของผู้เสียหายที่เข้าพบหลังรับทราบปัญหาว่า จะได้ประสานงานกับส่วนที่เกี่ยวข้องในการกำกับของกระทรวงและส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น DSI กรมบังคับคดี และ ปปง.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบรัดกุม เนื่องจากกรณีนี้ผู้เสียหายมีหลายส่วน ทั้งเจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้หุ้นกู้ สถาบันกองทุนที่ซื้อหุ้นล็อตใหญ่จากเข้าของSTARK ผู้ลงทุนที่ซื้อกองทุนLTFที่ลงทุนในSTARK และรวมทั้งผู้ลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ การที่จะอำนวยความยุติธรรมชดใช้ความเสียหายให้เพียงผู้เสียหายบางกรณี และไม่อำนวยความยุติธรรมให้กับบางกรณีนั้น ไม่อาจกระทำได้ รัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อฟื้นฟูกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ตลาดทุนไทย

ในวันเดียวกัน ตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นSTARKได้เดินทางเข้าพบผู้บริหารของDSI เพื่อเรียกร้องให้พิจารณาทบทวน โดยขอให้อำนวยความยุติธรรมคืนให้กับผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยต้องนับเป็นผู้เสียหายโดยตรงที่ต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ์โดยจ่ายชดใช้สินไหมทดแทน ซึ่งผู้แทนของDSIกล่าวว่า อาจจะได้ประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานอัยการสูงสุด โดยอาจขอให้ทบทวนใส่ในหมายเหตุท้ายฟ้อง รวมผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้เสียหายโดยตรงด้วย อย่างไรก็ตามขึ้นกับการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดด้วยว่าจะพิจารณาเป็นประการใด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...