โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ก.ต่างประเทศ แข็งกร้าว! เปิด 5 ประเด็นหลัก ไทยชี้แจงคณะทูต กัมพูชาเหยียบย่ำข้อตกลงสันติภาพ

ไทยโพสต์

อัพเดต 9 ธันวาคม 2568 เวลา 2.14 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ก.ต่างประเทศ แข็งกร้าว! ไทยหมดความอดทนต่อกัมพูชา เหยียบย้ำข้อตกลงสันติภาพ ยัน เดินปฏิบัติการทางทหารจนกว่าจะเปลี่ยนจุดยืน เผย 'กต.' เชิญเอกอัครราชทูตมาเลเซีย-อุปทูตสหรัฐฯ พร้อมทำหนังสือแจ้ง UN มั่นใจ หลักฐาน-ข้อเท็จจริง ปม คลิปทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด หลังเรียกร้องรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง

8 ธันวาคม 2568 - ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปแก่คณะทูตและบรรดาผู้แทนองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับพัฒนาการของสถานการณ์ล่าสุด บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า สืบเนื่องจากกรณีการปะทะในหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วงตั้งแต่เมื่อวานนี้มาจนถึงวันนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการออกแถลงการณ์ไปแล้ว รวมถึงการที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปแก่คณะทูตและบรรดาผู้แทนองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับพัฒนาการของสถานการณ์ล่าสุด โดยมีผู้เข้าร่วมที่เป็นเอกอัครราชทูต 58 ประเทศ 1 องค์กรและ 2 องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 73 คน

นายนิกรเดช กล่าวสรุปประเด็นสําคัญ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ําต่อคณะทูต 5 ประเด็น คือ 1. สถานการณ์ในตอนนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า เป็นการกระทําแบบเดิม ๆ เป็นแท็กติกของฝ่ายกัมพูชาที่รุกรานไทยก่อน และปฏิเสธว่าไม่ได้ทํา รวมถึงเป็นการยั่วยุในรูปแบบต่างๆ เช่น การลอบวางทุ่นระเบิด แม้กัมพูชาจะพยายามสร้างภาพของการเรียกร้องสันติภาพ และพูดว่าใช้ความยับยั้งชั่งใจ แต่ในความเป็นจริง กลับเป็นฝ่ายทั้งยุแยง ยั่วยุ และรุกรานก่อน

2. ไทยมุ่งปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ดังนั้น เราจําเป็นต้องดําเนินการทางการทหารอย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

3. สาธารณชนไทยหมดความอดทนอดกลั้นต่อกัมพูชา ที่ไม่เคยคํานึงถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของไทย รวมถึงการที่คนไทยต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อความปลอดภัยมาครั้งแล้วครั้งเล่า เราจึงจะต้องปกป้องอธิปไตยและประชาชนของเรา จนกว่าอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยจะไม่ถูกคุกคาม

4. ท่าทีของไทยรวมถึงปฏิบัติการทางทหาร จะดําเนินไปจนกว่ากัมพูชาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืน เช่นการเลือกทางเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพที่แท้จริง

5. ขอย้ําว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเหยียบย่ําข้อตกลงหยุดยิง และถ้อยแถลงร่วม ซึ่งได้มีการลงนามร่วมกันไปเมื่อเดือนตุลาคม ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

นายนิกรเดช กล่าวถึงประเด็นสําคัญในการสรุปบรรยายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 ประเด็น คือ 1. กรณีการปะทะตามชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด โดยเรียงลักษณะเหตุการณ์ตามไทม์ไลน์ทั้งสิ้นประมาณ 14 ครั้ง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนประจักษ์ว่า กัมพูชาเริ่มการปะทะในครั้งนี้

กรณีการปะทะเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงมาที่ไทยก่อน โดยเริ่มจากพื้นที่ภูผาเหล็ก พรานหินแปดก้อน อําเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้ทหารฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และไทยได้มีการส่งหนังสือประท้วงไปยังผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ต่อมาในช่วงเช้ามืดวันนี้ วันที่ 8 ธ.ค. ยังมีการปะทะอีกในหลายพื้นที่ โดยทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเข้ามายังฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง และมีรายงานด้วยว่ากัมพูชา ยังได้เคลื่อนย้ายอาวุธยิงระยะไกลเข้ามาในพื้นที่ และมีทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 8 นาย กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสียดังกล่าว และขอเป็นกําลังใจให้กับผู้บาดเจ็บ ล่าสุดฝ่ายกัมพูชายิงขีปนาวุธชนิด BM21 ใส่พลเรือนในฝั่งไทยด้วย

ทั้งนี้ ตามที่สื่อมวลชนต่างประเทศบางแห่งเน้นการรายงานการโจมตีทางอากาศของฝ่ายไทยนั้น สาเหตุที่เราต้องใช้การโจมตีทางอากาศ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออํานวยให้ดําเนินการทางอื่นได้ เพราะพื้นที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด ตนขอย้ำว่าปฏิบัติการทางการทหารของไทยเป็นไปเพื่อการปกป้องตนเอง หลังจากที่เราถูกโจมตีก่อน และเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎการใช้กําลังตามหลักความจําเป็น ตามหลักความได้สัดส่วนอย่างเคร่งครัด

เมื่อคํานึงถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ และเพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายตรงข้ามยกระดับความรุนแรง และเสี่ยงต่อการสูญเสียในอนาคต ฝ่ายไทยจําเป็นต้องตอบโต้ตามหลักการ โดยทุกปฏิบัติการของไทย จํากัดเฉพาะเป้าหมายทางทหาร และระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพลเรือน

โดยการดําเนินการของไทยเป็นไปเพื่อ 1. ตอบโต้การถูกโจมตีก่อน 2. กฎการใช้กําลังกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นไปอย่างได้สัดส่วน 3. มีเป้าหมายทางการทหารเท่านั้น ดังนั้น ฝ่ายไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการเปิดฉากยิงเข้ามาในดินแดนไทย โดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไทย และทหารไทยเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายท่าน ทั้งยังเป็นภัยต่อความมั่นคงต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่จะต้องอพยพกันอย่างกะทันหัน

การกระทําดังกล่าวต่อเนื่องจากการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโจมตีไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางไปเปิดเผยหลักฐาน และชี้แจงต่อรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นการละเมิดข้อตกลงทุกอย่างที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ทั้งข้อตกลงหยุดยิง และถ้อยแถลงร่วม ซึ่งแสดงถึงการขาดความจริงใจในการแก้ไขความตึงเครียด ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยสันติอย่างชัดเจน

2. ผลกระทบต่อของการโจมตีต่อประชาชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงอีกครั้งว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่การโจมตีของฝ่ายกัมพูชาทําให้ประชาชนไทยได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง ซึ่งตั้งแต่เมื่อคืนนี้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ใน 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เกือบ 4 แสนคน ต้องอพยพไปยังพื้นที่พักพิงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ ไทยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียดังเช่นที่เกิดขึ้นมาแล้วจากการโจมตีเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา ความตึงเครียดจากการปะทะในขณะนี้ส่งผลให้โรงเรียนกว่า 600 แห่ง ใน 5 จังหวัดชายแดน และโรงพยาบาลในหลายพื้นที่ชายแดนหลายแห่งต้องปิดทําการชั่วคราว ซึ่งกระทบต่อความเป็นอยู่ สิทธิบริการขั้นพื้นฐาน และบริการที่สําคัญแก่ประชาชนคนไทย

3. การเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชา นอกเหนือจากประเด็นการละเมิดข้อตกลงต่างๆ โดยการโจมตีฝ่ายไทยอย่างไร้มนุษยธรรมแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ชี้แจงการออกมาเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน และให้ข้อมูลเท็จโดยไม่มีหลักฐานรองรับของฝ่ายกัมพูชา พฤติกรรมของกัมพูชาในครั้งนี้ และละครั้งก่อนๆ ยังคงชัดเจนว่าสร้างสถานการณ์ โดยไตร่ตรองมาก่อน และมีเหตุจูงใจทางการเมือง ซึ่งเป็นรูปแบบซ้ํา ๆ ที่กัมพูชาได้ดําเนินการ และใช้มาโดยตลอด โดยเฉพาะความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ จากกรณีการวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย ที่ไทยเพิ่งได้รายงานต่อประชาคมโลก

เนื่องจากเหตุปะทะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน ภายหลังจากไทยแถลงต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และได้เปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่กัมพูชาได้ระเมิดพันธกรณี ด้วยการวางรุ่นระเบิดใหม่ในดินแดนไทยหลายครั้ง กัมพูชาพยายามสร้างภาพว่า เป็นฝ่ายถูกคุกคามหรือถูกรังแกมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถตอบคําถามของประชาคมโลก ต่อพฤติกรรมการละเมิดของตนเอง และยังกระทําการยั่วยุให้ฝ่ายไทยตอบโต้เพื่อปกป้องชีวิตประชาชนไทยและรักษาปกป้องอธิปไตยของเรา

ยกตัวอย่างกรณี เช่น กรณีการใช้ภาพเก่ากล่าวหาว่า การตอบโต้ของไทยทําให้เด็กนักเรียนชาวกัมพูชาต้องวิ่งหนีกันอย่างชุลมุนโดยตั้งใจ ทั้งที่ได้ประกาศอพยพคนออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงการที่หลายหน่วยงานของกัมพูชา พร้อมกันออกมาให้ข้อมูลเท็จว่า ไทยเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน จนเป็นเหตุให้กัมพูชาต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเองในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งมีเอกสารออกมาภายในระยะเวลาไม่กี่นาที

หลังจากการบรรยายสรุปในวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังได้ดำเนินการเพิ่มเติม คือเชิญเอกอัครราชทูตมาเลเซีย อุปทูตสหรัฐอเมริกา ในฐานะประเทศที่เป็นสักขีพยานการลงนามถ้อยแถลงร่วม และมีหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา มีหนังสือเวียนชี้แจงเหตุการณ์ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ มีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ และมีหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า หน่วยงานไทยทุกฝ่ายจะทํางานอย่างเต็มที่อย่างมีเอกภาพ เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย ท่ามกลางความอ่อนไหวของสถานการณ์ และการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และเป็นกระบวนการของฝ่ายกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสาร จากช่องทางทางการ ไม่ว่าจะจากรัฐบาล กองทัพ หรือกระทรวงการต่างประเทศ และขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนนําเสนอข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน มิใช่การเลือกนําเสนอเฉพาะบางส่วน เพื่อพาดหัวข่าวที่ดึงดูดความสนใจเท่านั้น ทั้งนี้ ตนจะมีการออกมาแถลงข่าวเป็นระยะๆ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลข่าวสารที่ถูกตรวจสอบแล้วอย่างทันท่วงที

เมื่อถามถึงการการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งไทยขอตั้งคณะผู้ตรวจสอบการวางทุ่นระเบิดมีกระบวนการอย่างไรบ้าง และมีการประเมินหรือไม่ว่า น่าจะสามารถตั้งคณะทํางานนี้ ได้ในระยะเวลาใด รวมถึงคิดว่าเหตุปะทะครั้งล่าสุด จะกระทบต่อการตั้งคณะทำงานนี้หรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการประชุมออตตาขึ้น ที่มีประเทศสมาชิกเรียกร้องให้มีการใช้ข้อ 8 ของอนุสัญญา ซึ่งที่ประชุมก็ตอบไม่ได้ในตอนนั้น เนื่องจากไม่เคยมีการเรียกร้องในข้อนี้มาก่อน การที่เราต้องการตั้งคณะผู้ตรวจสอบ ซึ่งที่ประชุมรับทราบแล้วก็รับไปดําเนินการ แต่ต้องดูว่าจะทําได้เร็วช้าแค่ไหน ตนตอบได้เท่านี้ในเรื่องไทม์ไลน์ เพราะไม่เคยมีเหตุที่เราจะต้องทำ แต่บอกได้อย่างหนึ่งว่า ที่ประชุมได้เห็นหลักฐาน ได้เห็นวิดีโอคลิป ประเทศไทยใช้สิทธิ์ในการตอบกลับกับการแก้ตัวของกัมพูชาอย่างที่เขาทํามาโดยตลอด

"คนไทยขาขาดไป 7 คนแล้ว มีรูป มีวิดีโอ มีหลักฐาน ผมเชื่อว่า เราก็คงต้องมีความเชื่อมั่น ในกระบวนการของพหุภาคีที่ตั้งขึ้น ว่าจะดําเนินการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อประเทศสมาชิก โดยในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาครั้งต่อไปที่ 23 ในปีหน้า ซึ่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแซมเบีย ประจําเจนีวา จะเป็นประธานการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเรา ก็ได้พบกับท่านนี้ ที่จะเป็นประธานคนต่อไปด้วย ยังได้พบกับสมาชิกที่สําคัญจากหลายประเทศมาก ทั้งในรูปแบบทางการและนอกรอบ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประเทศไทย และได้ทําทุกวิถีทาง ที่จะทําให้มีคณะผู้ตรวจสอบ เพราะเรามั่นใจในความโปร่งใส และระเบียบ หลักฐาน ข้อเท็จจริงของเรา" นายนิกรเดช กล่าว

เมื่อถามถึงสถานะทางการทูต ระหว่างไทยกับกัมพูชา นายนิกรเดช ยืนยันว่า เราลดความสัมพันธ์กับกัมพูชามานานแล้ว ก็ยังคงสถานะนี้อยู่ ตอบไม่ได้ว่าจะไปไกลกว่านี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาด้วย สิ่งที่เราทำได้ คือเราจะพยายามดูแลคนไทยในกัมพูชา โดยจะมีการประเมินสถานการณ์รายวัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...