โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568

สวพ.FM91

อัพเดต 06 พ.ย. เวลา 22.34 น. • เผยแพร่ 06 พ.ย. เวลา 22.34 น.

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568

>> สกัดจับ “ไส้กรอก–ลูกชิ้น” เตรียมลอบข้ามไปตลาดฝั่งกัมพูชา

06.30 น. กองกำลังบูรพา โดย หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ (ฉก.อรัญประเทศ), กองร้อยทหารพรานที่ 1204 (ชค.ทพ.12), ม.พัน.30 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ด่านกักกันสัตว์สระแก้ว ออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ ขณะปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ บริเวณไร่อ้อย บ้านหนองปรือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่ตรวจพบ กระสอบบรรจุไส้กรอกและลูกชิ้น จำนวน 3 กระสอบ ซุกซ่อนไว้ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 190 เมตร คาดว่าเตรียมลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักรไปยังประเทศกัมพูชา โดยระหว่างตรวจยึด ไม่พบผู้กระทำผิดในพื้นที่คาดว่าจะหนีไปแล้ว

จากการตรวจสอบพบว่า ภายในกระสอบทั้งหมดเป็น ไส้กรอกและลูกชิ้นแปรรูป น้ำหนักรวมประมาณ 50 กิโลกรัม การลักลอบนำอาหารแปรรูปออกนอกประเทศในปริมาณมากเช่นนี้ บ่งชี้ว่าอาจมีความต้องการสูงจากตลาด หรืออาจเกิดภาวะขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ชายแดนฝั่งกัมพูชา

เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งมอบของกลางทั้งหมดให้กับ เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ด่านกักกันสัตว์สระแก้ว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

>> เร่งขยายผลตรวจสอบแก๊งต่างชาติ ติดป้ายโฆษณาสั่งซื้อยาเสพติดบนเสาไฟฟ้าทั่วเกาะภูเก็ต หาตัวการใหญ่

07.00 น. ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สินเลิศ ขุสุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายเฉลิมพงศ์ แสงดี ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 และปปส. ร่วมแถลงข่าว การจับกุม ชาวต่างชาติติดป้ายโฆษณายาเสพติด หลังมีภาพเผยแพร่ตามสื่อสังคมออนไลน์ กรณีมีชายชาวต่างชาตินำสติกเกอร์ไปติดบริเวณเสาไฟฟ้า โดยข้อความในสติกเกอร์ มีอักษรย่อของยาเสพติด พร้อมทั้งได้มีการแนบ QR code ลงไปในสติกเกอร์ดังกล่าว

จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายคนดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่วิลล่า ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต พิสูจน์ทราบพบเป็นชายสัญชาติรัสเซีย จึงเข้าตรวจค้นวิลล่าดังกล่าว แต่ชายดังกล่าวได้หลบหนีออกไปจากห้องไปแล้ว ผลการตรวจค้นพบสติกเกอร์ QR code (แผ่นโฆษณาการขายยาเสพติดทางออนไลน์ ) แต่ก็สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในข้อหา “เป็นผู้โฆษณายาเสพติดโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมด้วยของกลาง เป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ นำตัวมายัง สภ.เชิงทะเล เพื่อดำเนินการขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวด้วยว่า จากกรณีดังกล่าว ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กำหนดมาตรการในการป้องกันปราบปรามเหตุลักษณะดังกล่าว โดยเพื่อการตรวจตราการติดป้ายต่างๆตามที่สาธารณะ รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ หากพบการกระทำความผิดให้เร่งดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดโดยเร็ว รวมถึงประสานขอความร่วมมือกับร้านพิมพ์ป้ายและสติกเกอร์ในพื้นที่รับผิดชอบให้ช่วยเฝ้าระวังและแจ้งข้อมูล หากมีผู้มาเสนอจ้างให้ทำป้ายและสติกเกอร์ในลักษณะดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดไปสู่สังคมโดยรวม

>> เมียเดือด คว้ามีดแทงสามีเจ็บหนัก ปมเหตุทะเลาะเรื่องหย่า - หนี้สิน

09.30 น. เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยเกาะคา จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุคนถูกแทงภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านผึ้ง ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบผู้บาดเจ็บเป็นชายอายุประมาณ 58 ปี มีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) แห่งหนึ่งในอำเภอเกาะคา นอนบาดเจ็บอยู่หน้าบ้าน เลือดไหลจำนวนมากใกล้กับร้านขายอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งกลางหมู่บ้านโดย สท. คนนี้ มีบาดแผลถูกมีดปลายแหลมคล้ายมีดทำครัว ยาวประมาณ 5 นิ้ว ที่บริเวณแขนและช่องท้อง เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบนำส่งโรงพยาบาลเกาะคาเป็นการด่วน

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุคือภรรยา อายุ 56 ปี ซึ่งเปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่ในหมู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่มีปากเสียงกันเรื่องการจดทะเบียนหย่าและหนี้สิน ระหว่างนั้นฝ่ายหญิงเกิดอารมณ์โมโห คว้ามีดทำครัวแทงสามี 1 ครั้ง ก่อนผู้บาดเจ็บจะพยายามวิ่งหนีออกมาหน้าบ้านแต่ล้มลง

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ทันที และนำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.เกาะคา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

>> นายกรัฐมนตรี รวมพลังเครือข่าย ประกาศสงครามกับแก๊งสแกมเมอร์ ให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ปลอดภัย

11.00 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการแถลงมาตรการ และผลงานของ 8 หน่วยงาน จากนั้นได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU พร้อมกับ“ประกาศสงครามกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Scammer)” ว่าวันนี้ คือ ก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของประเทศไทย เป็นวันที่มีการรวมตัวกัน "ประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์" สงครามนี้เป็นสงครามที่เราต้องชนะ
เพื่อปกป้องประชาชนจากภัย Scammer ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อหนึ่งคนเป็นเหยื่อ ครอบครัวทั้งครอบครัวได้รับผลกระทบด้วย คนจำนวนมากต้องประสบกับความทุกข์ และความเครียด ศักยภาพของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ชื่อเสียงประเทศต้องเสื่อมเสีย ภาพลักษณ์ถูกบั่นทอน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการค้าและการลงทุน ความเสียหายที่ซ่อนอยู่จากภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ มีมากจนประเมินค่ามิได้ คือภัยแห่งความมั่นคงอันดับต้นๆ ของประเทศ

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ทั้งงบประมาณเทคโนโลยี และนโยบาย เพื่อให้การทำงานครั้งนี้ เห็นผลจริงในระยะสั้น และยั่งยืนในระยะยาวเพื่อประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจาก scammer และเป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรม ทุกรูปแบบตลอดไป

>> รวบหนุ่มรับจ้างลักลอบขนสินค้าไม่ชำระภาษี คาด่านตำรวจทางหลวงตรัง-พัทลุง

11.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี” พร้อมตรวจยึดของกลาง เครื่องดื่ม (น้ำอัดลม) จำนวน 2,880 กระป๋อง โดยจับกุม ทล.4 กม.1151-1152 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง

โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงร่วมกับเจ้าพนักงานสรรพสามิตพื้นที่พัทลุง ตั้งจุดตรวจ บนถนนสายพัทลุง - ตรัง พบรถบรรทุกส่วนบุคคลสีเทา ได้บรรทุกของกินอื่นๆ มาเต็มคันรถ และได้บรรทุกเครื่องดื่ม (น้ำอัดลม) ที่ยังมิได้ชำระภาษีสรรพสามิตปะปนมาด้วย เมื่อสังเกตเห็นรถตรงตามที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุด เพื่อขอทำการตรวจค้น พบนายเอซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวมา เจ้าหน้าที่ขอทำการตรวจค้นภายในรถ ปรากฏว่าพบเครื่องดื่ม (น้ำอัดลม) ที่ยังมิได้ชำระภาษีสรรพสามิตอยู่ภายในรถบรรทุก จึงได้ยึดเครื่องดื่มดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน

นายเอ ให้การว่ารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าได้บรรทุกเครื่องดื่ม (น้ำอัดลม) ที่ยังมิได้ชำระภาษีสรรพสามิตซึ่งตนเป็นผู้รับจ้างบรรทุกสินค้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งการควบคุมตัวไปยังระบบรับแจ้งการควบคุมตัวของกรมการปกครองและสำนักงานอัยการ และได้นำตัวนายเอกชัยฯ พร้อมของกลางทั้งหมดส่งผู้มีอำนาจเปรียบเทียบคดี (ตาม ม.138) ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่พัทลุง สาขาเมืองพัทลุง ต่อไป

>> รองผู้ว่าฯ นราธิวาส ร่วมแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติด คดีอุกฉกรรจ์ และคดีความมั่นคง ในชายแดนใต้

14.00 น. นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ร่วมแถลงข่าวคดียาเสพติดและคดีอุกฉกรรจ์ ในรอบเดือนตุลาคม 2568 โดยผลการปฏิบัติงานสำคัญด้านยาเสพติดและคดีอาชญากรรมอุกฉกรรจ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.)ห้วงเดือนตุลาคม 2568 ถึงปัจจุบัน ฝ่ายความมั่นคงสามารถจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญได้ถึง 3 คดี ใน จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา ยึดยาบ้า รวมกว่า 3.1 ล้านเม็ด และได้ยึดทรัพย์และอาวุธปืน เป็นของกลางเพื่อขยายผล ทั้งนี้ พบว่าพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 เป็นทั้งพื้นที่แพร่ระบาดและพักยาเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม

นอกจากนี้ยังมีการแถลงความคืบหน้า คดีความมั่นคงเหตุคนร้ายปล้นร้านทองเยาวราช กรุงเทพฯ สาขาห้างบิ๊กซีสุไหงโก-ลก จากการสืบสวนนำไปสู่การควบคุมผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน ซึ่งให้การรับสารภาพ และขยายผลส่งผลให้ปัจจุบันได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนราธิวาสไว้แล้วจำนวน 7 หมาย

รวมทั้งคดีคนร้ายฆ่าและปล้นรถจักรยานยนต์ บริเวณริมบึงใต้ต้นสนใกล้รูปปั้นพญานาค หาดนราทัศน์ ต.บางนาค อ.เมือง จะ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 และ คดีคนร้ายยิงคนสัญชาติมาเลเซีย ที่เสียชีวิตที่ชุมชนบือเร็ง เจริญเขต ซอย 19 จังหวัดนราธิวาส ยืนยันทั้ง 2 คดี ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และมีการสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้สำเร็จ

>> จ.ขอนแก่น ราคาไข่ไก่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากภาวะไข่ล้นตลาด

14.00 น. นางสาวนงค์นุช อุดมคำ พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายนิยุทธ์ สืบสาย หัวหน้ากลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ โดยเฉพาะที่ตลาดบางลำภู ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังสถานการณ์ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดราคาลดลงกว่า 15 บาทต่อแผง ถือเป็นระดับราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปี

โดยเจ้าของร้านแม่ก้านไข่สด เปิดเผยว่า ช่วงนี้ราคาไข่ไก่ลดลงตั้งแต่ก่อนเทศกาลกินเจราว 1 เดือนที่ผ่านมา โดยไข่ไก่ทุกขนาดลดลงแผงละประมาณ 15 บาท สาเหตุเกิดจากภาวะไข่ล้นตลาด หลังช่วงปิดเทอมเด็กนักเรียนอยู่บ้านและต่อเนื่องเข้าสู่เทศกาลกินเจ ทำให้ความต้องการบริโภคไข่ลดลง ส่งผลให้ราคาปรับตัวตามกลไกตลาด โดยปัจจุบันราคาไข่ไก่เบอร์ 0 อยู่ที่แผงละ 130 บาท จากเดิม 140–145 บาท, เบอร์ 1 ราคา 120 บาท จากเดิม 135 บาท, เบอร์ 2 ราคา 105 บาท จากเดิม 125 บาท และเบอร์ 3 ราคา 100 บาท จากเดิม 120 บาท ถือเป็นการปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 3–4 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักยังส่งผลให้ผู้ค้ารายย่อยหลายรายต้องปิดกิจการ เหลือแต่ผู้ประกอบการที่มีกำไรต่อแผงเพียง 10–20 บาท โดยคาดว่าช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ราคาจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ด้าน นางสาวนงค์นุช กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พบว่าราคาดังกล่าวเป็นไปตามกลไกตลาด โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมและเทศกาลกินเจซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ ที่มีผลต่อความต้องการไข่ไก่ลดลง ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าไข่ไก่ได้ปรับราคาขายให้ลดลงชั่วคราว แต่คาดว่าหลังเปิดเทอมและสิ้นสุดเทศกาลกินเจ ราคาจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

นอกจากนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นยังได้เตรียมมาตรการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยร่วมกับจังหวัดจัดกิจกรรม “หน่วยบริการจังหวัดเคลื่อนที่” ออกจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดในทุกอำเภอ โดยเฉพาะไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย และสินค้าอื่น ๆ ซึ่งจะลดราคาจากราคาตลาดลงอีกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่องในทุกเดือน

>> ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เตรียมความพร้อมรับการพร่องน้ำในคลองสำโรง และคลองสายหลัก รับมือพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่

15.00 น. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่ติดตามการพร่องน้ำในคลองสำโรง และคลองสายหลัก ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เตรียมความพร้อมรับมือ จากพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในคืนวันนี้ (6 พ.ย.68) หลังจากนั้น จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชัน โดยในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 จะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 7 - 9 พฤศจิกายน 2568 ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ รวมถึงจังหวัดสมุทรปราการก็จะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี” ทำให้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ในช่วงดังกล่าว จะมีน้ำทะเลหนุนสูง และมีการปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจากเดิมไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตร /วินาที เป็นไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตร /วินาที ทำให้เมื่อเกิดฝนตกหนักในพื้นที่การระบายน้ำจะทำได้ช้า ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังได้โดยเฉพาะในพื้นที่ต่ำและในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี”

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการพร่องน้ำในคลองสำโรง และคลองสายหลักให้ต่ำกว่าระดับน้ำปกติ 30 เซนติเมตรเพื่อรองรับปริมาณน้ำหากมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ รวมทั้งให้เตรียมพร้อมเจ้าเหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัยและแผนเผชิญเหตุ สำหรับให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง และจัดหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรในเส้นทางสายหลักและสายรอง และช่วยเหลือประชาชนที่รถเสียจากน้ำท่วมขังผิวจราจร

>> ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผย สถานการณ์น้ำยังไม่จบ ต้องเฝ้าระวัง สั่งเรียงกระสอบทรายจุดอ่อนแอป้องกันชุมชนนอกคันกั้นน้ำ

16.21 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำของกรุงเทพมหานคร โดยกล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่หมดไป สัปดาห์หน้ายังต้องเฝ้าระวังเนื่องจากต้องเจอกับน้ำทะเลหนุน ตอนนี้น้ำทะเลหนุนสูงสุด เนื่องจากอิทธิพลของพายุคัลแมกีทำให้เกิดคล้าย ๆ กับสตอร์มเสิร์จ (Storm surge) น้ำในทะเลจีนใต้และในอ่าวไทยสูงขึ้น วันนี้สูงกว่าเมื่อวานเกือบ 45 ซม. ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้น ประกอบกับมีน้ำเหนือซึ่งมีการปล่อยน้ำเหนือตอนนี้ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งสูงที่สุดในปีนี้

ขณะเดียวกันอิทธิพลของฝน ตอนนี้ร่องมรสุมลงมาอยู่ใต้กรุงเทพฯ แล้ว เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาร่องมรสุมพาดผ่านกรุงเทพฯ จึงให้ฝนตกหนัก แต่ตอนนี้ลมหนาวเริ่มดันลงมา เพราะฉะนั้นหาก 3 น้ำ คือน้ำทะเลหนุน น้ำเหนือ น้ำฝน มาเจอกันก็ยังมีปัญหาอยู่ ดังนั้นหัวใจสำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ คือการเรียงกระสอบทรายเพราะนั่นคือตัวป้องกันของเรา ต้องเน้นวางกระสอบทรายจุดที่ยังมีความอ่อนแอ เพราะระดับน้ำอาจจะสูงขึ้น ได้สั่งการให้ทุกเขตและสำนักการระบายน้ำเน้นเรื่องความแข็งแรงของกระสอบทราย

รวมถึงดูแลชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ เช่น ชุมชนโรงสี ชุมชนวัดเทวราชกุญชร ที่อาจมีน้ำรั่วซึมเข้ามาได้ และให้เน้นจุดก่อสร้าง เนื่องจากเราเจอปัญหาหลายจุดที่มีการทิ้งเศษวัสดุก่อสร้างลงไปในท่อระบายน้ำ เช่น บริเวณรามคำแหง ได้สั่งการให้เขตไปกำชับจุดที่มีการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นทางเท้าของ กทม. การปรับปรุงถนน และการก่อสร้างต่างๆ

>> ในหลวง-พระราชินี ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระแก้วมรกต

17.27 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูหนาว ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ในโอกาสนี้ เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย

>> เพลิงไหม้รถกระบะตู้ทึบ บนสะพานยกระดับเข้าถนนร่มเกล้า จนท.ดับทันเสียหายบางส่วน

18.11 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ สะพานยกระดับเข้าถนนร่มเกล้า มุ่งหน้าจากถนนกิ่งแก้วสุวรรณภูมิเข้าร่มเกล้า ถนนลาดกระบัง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ชนิดกระบะตู้ทึบ สีเทา หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้พัสดุภายในกระบะท้ายรถ ลุกลามกระบะและโครงตู้ทึบ รถดับเพลิงของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากสินค้าภายในรถเสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดกระบัง

>> สารเคมีรั่วไหล เจ้าหน้าที่ได้อพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ ก่อนเข้าไปดำเนินการปิดถังและเคลื่อนย้ายไปไว้ยังโรงงานกําจัดขยะ

18.28 น. รับแจ้งจากสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสวนมะลิ เหตุสารเคมีรั่วไหล ใกล้เคียงชุมชนเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ถนนเจริญกรุง แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม.

เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสวนมะลิ ถึงที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเป็นอาคาร 5 ชั้น เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการภายในอาคารอยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบแล้วเป็นสารเคมีชนิดโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ จำนวน 2 ถัง ถังละ 50 ลิตร กลิ่นดังกล่าวประชาชนได้ทำการเปิดฝาถัง จึงทำให้ส่งกลิ่นรบกวนบริเวณโดนรอบ

เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดฝาถังดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการระบายกลิ่นที่รบกวนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ได้ทำการอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ พร้อมทั้งทำแนวกั้นห่างออกจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร

ต่อมา เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสวนมะลิ ร่วมกับสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ทำการย้ายสารเคมีชนิดโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ จำนวน 3 ถัง ไปไว้ยังโรงงานกําจัดขยะหนองแขม เพื่อดำเนินการต่อไป และกลิ่นที่รบกวนบริเวณโดยรอบได้เจือจางหมดแล้ว ประชาชนได้เข้าพักอาศัยภายในบ้านเป็นที่เรียบร้อย

>> รถกระบะเฉี่ยวชนรถกระบะก่อนจะชนรถจักรยานยนต์ รถกระบะและคนงาน ผู้บาดเจ็บ 7 รายและเสียชีวิต 3 ราย

19.58 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยพิษณุโลก มูลนิธิประสาทบุญสถาน รับแจ้งรว่ามีอุบัติเหตุ รถชนกันหลายคัน และมีผู้บาดเจ็บหลายราย บนถนนมิตรภาพ ใกล้หน้าปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่โคกช้าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก

โดยที่เกิดเหตุพบรถ รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ป้ายทะเบียน กรุงเทพฯ สภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย, รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ป้ายทะเบียน พิษณุโลก เสียหายรอบคัน, รถยนต์กระบะ นิสสัน นาวาร่า สีดำ ป้ายทะเบียน พิษณุโลก เสียหายด้านท้ายรถ และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีเขียว - ดำ ป้ายทะเบียน พิษณุโลก สภาพพังเสียหาย

อาสากู้ภัยพิษณุโลกตรวจสอบพบผู้ใด้รับบาดเจ็บ จำนวน 10 ราย สาหัส 8 ราย โดยต้องทำการ CPR จำนวน 3 ราย ประสานทีมกู้ชีพใกล้เคียงร่วมให้การช่วยเหลือ ก่อนยืนยัน CPR ไม่เป็นผล เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บที่เหลือ 8 ราย ทางทีมแพทย์กู้ชีพ และกู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง

ส่วนผู้เสียชีวิต 2 รายในที่เกิดเหตุ คือ ชายไทย อายุ 47 ปี เป็นคนงานก่อสร้างถนน และ ชายไทย อายุ 60 ปี โดยสารรถกระบะ และต่อมา รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตอีก 1 รายที่โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก ทราบชื่อต่อมา คือ หญิงไทย อายุ 42 ปี โดยสารรถกระบะ

โดยเบื้องต้น ทราบว่า รถกระบะ 2 คันเฉี่ยวชนกัน แล้วเสียหลักชนกับรถจักรยานยนต์ และรถกระบะ และคนงานที่ทำถนน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก

>> รถขบวนสินค้าชนชายนิรนามเสียชีวิต บริเวณทางตัดรถไฟหนองหมุก จ.ชุมพร

20.00 น. ศูนย์วิทยุกู้ภัยสายชลชุมพรได้รับแจ้งเกิดเหตุ รถไฟขบวนสินค้าเลขที่ 985 เส้นทาง กรุงเทพฯ – สุไหงโกลก ชนคนเดินเท้าเสียชีวิต บริเวณ ทางตัดรถไฟบ้านหนองหมุก หมู่ที่ 6 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร ห่างจากทางตัดรถไฟหนองหมุกไปทางบ้านทุ่งคาประมาณ 1 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่กู้ภัยสายชลชุมพรพร้อมตำรวจและแพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ต้องเดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ พบผู้เสียชีวิตเป็น ชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณกลางคน สภาพศพชิ้นส่วนร่างกายกระจัดกระจายอยู่บนรางรถไฟ ตรวจสอบไม่พบเอกสารแสดงตัวตน พบเพียงถุงผ้าสองใบ ภายในมีเสื้อผ้าบางส่วน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมหลักฐานและเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปเก็บรักษาที่ มูลนิธิชุมพรฯ เพื่อติดตามหาญาติผู้เสียชีวิตมารับศพต่อไป

จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่บนรางรถไฟในจุดเกิดเหตุ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ขบวนรถสินค้าผ่านพอดี เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของเหตุสลดในครั้งนี้

>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ใกล้เคียงวัดพลับพลาชัย รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบก่อนจะลุกลาม

21.24 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ซอยไมตรี ถนนพลับพลาไชย แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีต 3 ชั้น ประกอบกิจการจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิง ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 1 เพลิงลุกไหม้ตู้เย็น ลุกลามผนัง อุปกรณ์ไฟฟ้า และสินค้าภายในร้าน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 12 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ตู้เย็น ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสวนมะลิ

>> มือยิงอาสามูลนิธิฯ ย่านลาดพร้าว เดินทางเข้ามอบตัว ที่ สน.วังทองหลาง

21.30 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง พันตำรวจเอก เจษฎา ยางนอก ผู้กำกับการ สน.วังทองหลาง เปิดเผยว่า กรณีถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิยิงกันได้รับบาดเจ็บ 3 คน ว่า

หลังจากศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 2 คน ประกอบไปด้วย นายบอ (นามสมมุติ) มือยิง และนายออ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นบุคคลต้นเรื่อง ปัญหาการทะเลาะวิวาท ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งสองราย เดินทางเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ที่ สน.วังทองหลาง โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำ และดำเนินการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย และควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>> รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถไม่ทราบคู่กรณี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

01.40 น. รับแจ้งจาก กู้ภัยโรจนะ มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถไมทราบชนิด และมีผู้เสียชีวิต ถนนพหลโยธิน ฝั่งขาออก บริเวณใกล้เคียงสวนอาหารบ้านสวน 2 ในช่องทางหลัก พื้นที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ที่เกิดเหตุ พบเหตุ รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ทะเบียน สระบุรี ลักษณะถูกรถยนต์ไม่ทราบชนิดเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี ใกล้กันพบว่ามีผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 35 - 40 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...