โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

'จ้าวลู่ซือ'เปิดใจครั้งแรกถูกทุบตีตั้งแต่เด็กจนโต ถูกว่าเป็น "แจกันดอกไม้ที่ไร้ประโยชน์"

The Better

อัพเดต 02 ม.ค. เวลา 08.50 น. • เผยแพร่ 02 ม.ค. เวลา 06.20 น. • THE BETTER

เบื้องหลังสถานการณ์

  • เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2024 มีรายงานว่างจ้าวลู่ซือ นักแสดงหญิงชื่อดังชาวจีน ป่วยเป็นโรคอะเฟเซีย Aphasia หรือภาวะเสียการสื่อภาษา) และถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลด้วยรถเข็น อาการป่วยของเธอสร้างความกังวลให้กับประชาชน จากวิดีโอ จะเห็นได้ว่าศีรษะของเธอตกลงมาบนไหล่อย่างอ่อนแรง ร่างกายของเธอโค้งงอ ใบหน้าของเธอซีดเผือก และมีท่ออยู่ในจมูก อาการของเธอดูร้ายแรงมาก
  • ต่อมา สตูดิโอของเธอได้ยืนยันเพียงว่าจ้าวลู่ซือรู้สึกไม่สบายกะทันหัน และได้เข้ารับการรักษาพยาบาลโดยเร็วที่สุด ปัจจุบันเธอกำลังเข้ารับการรักษาและพักฟื้น แต่ไม่ได้อธิบายอาการและรายละเอียดใดๆ
  • วันเดียวกันบัญชี Weibo ส่วนตัวของจ้าวลู่ซือซึ่งมีผู้ติดตาม 29.14 ล้านคน ถูกตั้งค่าเป็นบัญชีส่วนตัวอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 27 ของเดือนธันวาคม 2024 และเพจก็แสดงข้อความว่า "เนื่องจากการตั้งค่าของบล็อกเกอร์ เนื้อหาจึงไม่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้ บล็อกเกอร์จะถูกกู้คืนในเวลา 12:33 น. ของวันที่ 3 มกราคม 2025" ทำให้ชาวเน็ตเกิดความกังวล
  • เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 มีการเปิดเผยการฟื้นตัวของจ้าวลู่ซือ จากคลิปพบว่าเธอมีอาการเกร็งไปทั้งตัว พยายามหัดเดิน และแม้แต่การถือช้อนก็ดูยาก ในวันเดียวกันนั้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของจ้าวลู่ซือได้เปิดเผยข่าวว่า จ้าวลู่ซือถูกเจ้านายของอดีตเอเจนซี่พูดจาดูถูกเธอและทุบตีในเดือนเมษายน 2019

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มกราคม จ้าวลู่ซือโพสต์บทความยาวเปิดเผยว่า เธอต้องทนทุกข์จากการถูกทารุณจากทุกฝ่ายตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเพื่อนของเธอเล่าว่าอดีตผู้จัดการของเธอใช้ความรุนแรงกับเธอ ในเรื่องความรุนแรงที่เธอต้องเผชิญ จ้าวลู่ซือเปิดเผยว่าเธอถูกครูตีเมื่อตอนเด็กแล้วไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเธอคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด

จ้าวลู่ซือยังเปิดเผยแผลเป็นของตัวเองและเขียนว่าเธอถูกเรียกว่า "แจกันดอกไม้ที่ไร้ประโยชน์" (一无是处的花瓶 หมายถึงสวยแต่รูป แต่ไม่มีประโยชน์ใช้งาน) ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก และถูกตีในหอพักของครูระหว่างสอนพิเศษหลังเลิกเรียน "ฉันคิดว่าการถูกตีเพราะเรียนไม่เก่งเป็นเรื่องถูกต้อง และฉันไม่กล้าพูดเพราะว่า 'คุณต้องมองหาเหตุผลในตัวเองสำหรับทุกๆ สิ่ง' "

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความคิดของเธออย่างมาก ทำให้เธอไม่กล้าพูดออกเพื่อต่อต้านการกระทำเช่นนั้นแม้แต่ตอนที่เธอจะยังถูกทุบตีเมื่อโตแล้วก็ตาม เธอยืนยันว่า “ฉันถูกตีอีกครั้งตอนที่โตขึ้น ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นความผิดของฉันจริงๆ ที่ฉันไม่ได้ไปออดิชั่น ฉันไม่กล้าทำเรื่องใหญ่โตและต้องการหลบหนี ฉันเคยชินกับการจัดการเรื่องของตัวเองและไม่เคยมีนิสัยชอบขอความช่วยเหลือจากใคร”

ต่อมาผลงานของเธอได้รับการยอมรับจากโลกภายนอก และเธอมีความกล้าที่จะลาออกจากบริษัทเดิม แต่ต้องแลกมาด้วยการที่ "เธอ (ผู้จัดการเก่า) ได้รับ ‘เงินค่าเลิกจ้าง’ จำนวนมาก และยินดีที่จะหยุด ‘ร้องไห้ โวยวาย และจะแขวนคอตาย’ วงการอุตสาหกรรมและโลกภายนอกต่างพากันแพร่ข่าวลือและใส่ร้ายฉัน และมีคนนับไม่ถ้วนเข้ามาคุยกับฉันหลังจาก ‘นินทา’ จริงๆ แล้ว ทุกครั้งที่ฉันพูด มันยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ได้หยุดทำร้ายฉันเลย…"

จ้าวลู่ซีกล่าวว่าเธอเข้าใจว่า "เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องการทุกอย่าง" และไม่สามารถเรียกร้องความสมบูรณ์แบบจากเพื่อน พ่อแม่ บริษัท ฯลฯ ของเธอได้ "แค่พวกเขาปกป้องฉันด้วยความเข้มแข็งทั้งหมดก็เพียงพอแล้ว"

เธอยังเปิดเผยด้วยว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความผิดปกติทางจิตและวิตกกังวลจากเหตุการณ์นี้ และน้ำหนักของเธอลดลงอย่างมากเหลือ 36.9 กิโลกรัม โดยเธอยังต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าในปี 2019 และในปีต่อๆ มา เนื่องจากผลกระทบของโรคปอดบวม การเสียชีวิตของญาติ และเหตุการณ์อื่นๆ ทำให้เธอมักจะอาเจียน เวียนหัว ปวดข้อ และปวดคอในปี 2024 จ้าวลู่ซือยังกล่าวอีกว่าเธอไม่เคยพูดถึงโรคนี้มาก่อน และไม่ต้องการให้โรคนี้กลายเป็น "กระแส" ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ที่ทุกอย่างมาถึงจุดนี้แล้ว เธอต้องการให้ทุกคนรู้มากขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...