โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

หอการค้าฯ ชี้ ความสำเร็จในการเจรจา FTA กับ EFTA ของ ก.พาณิชย์ ดันไทยเดินหน้าเจรจา FTA ไทย-EU

NewsXtra

อัพเดต 02 ธ.ค. 2567 เวลา 19.31 น. • เผยแพร่ 02 ธ.ค. 2567 เวลา 12.30 น. • NewsXtra

หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของรัฐบาลไทยและกระทรวงพาณิชย์ ในการเจรจาความตกลงการค้าเสร็ (Free Trade Agreement : FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ซึ่งประกอบด้วย สวิตเชอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอข์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ โดยความตกลงนี้ถือเป็น FTA ฉบับแรกระหว่างไทยและยุโรป ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและเปิดโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทย

FTA ไทย-EFTA ได้ข้อสรุปเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 หลังการเจรจาอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปี โดยครอบคลุม 15 ประเด็นสำคัญ เช่น การค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน มาตรการสุขอนามัย และทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ความตกลงนี้จะช่วยลดอุปสรรคทางการค้า เพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าหลัก เช่น อัญมณี อาหารทะเล และเครื่องจักร ซึ่งมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของโลกส่งผลให้หลายบริษัทข้ามชาติพิจารณาย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคที่มั่นคง FTA ฉบับนี้จึงไม่เพียงเปิดโอกาสทางการค้า แต่ยังช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ธรกิจไทยสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าการลงนามความตกลงจะเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2568

ปัจจุบัน ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศและกลุ่มเศรษฐกิจอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 15 ฉบับ ครอบคลุม
19 ประเทศ สะท้อนความมุ่งมันของรัฐบาลไทยในการขยายตลาดการค้าและสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอร่วมชื่นชม ความสำเร็จครั้งนี้ และเชื่อมันว่า FTA กับ EFTA จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจไทย พร้อมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการแข่งขัน ให้กับประเทศในระดับโลก

ข้อมูลล่าสุดในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 การค้ารวมระหว่างไทยกับ EFTA คิดเป็น 2.03% ของการค้า รวมของไทยกับโลก โดยมีมูลค่าการส่งออก 3,787.97 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้า 6,505.56 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเติบโตขึ้น 23:22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณี อาหารทะเล ข้าว และเครื่องจักร ขณะที่สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ เครื่องเพรพลอย สัตว์นั้นที่สด และผลิตภัณฑ์แปรูปต่างๆ

หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเชื่อว่า ความตกลงครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนอย่างยั่งยืน และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทยในอนาคต และมั่นใจว่าจะมีส่วนช่วยในการผลักตัน FTA ไทย-EUให้สำเร็จภายในปี 2568-2569 อย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ EU ในช่วง ม.ค.-ต.ค. 67 ขยายตัวร้อยละ 3.42 จากช่วงเดียวกันของปี 66 โดยไทยส่งออกไป EU ขยายตัวร้อยละ 9.28 และไทยนำเข้าจาก EU ลดลงร้อยละ 2.99 โดยคาดการณ์ว่า หากไทยสามารถเจรจากับ EU ได้สำเร็จจะทำให้การค้าระหว่างไทยกับ EU ขยายตัวในระยะยาว โดย GDP ของประเทศเพิ่มขึ้น 1.28% มูลค่าการส่งออกจะขยายตัว 2.83%
และการนำเข้าขยายตัว 2.81%

ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณพิชัย นริพทะพันธ์ ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้การเจรจา FTA
ไทย-EFTA สำเร็จลล่วง และเชื่อมั่นว่า FTA ครั้งนี้จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยื่นยนระยาว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...