โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

เปลี่ยนเจ้าหนูตัวร้ายให้กลายเป็นพระเอก

นิยาย Dek-D

เผยแพร่ 26 ต.ค. 2567 เวลา 02.23 น. • no more drama
เธอจะทำให้โลกอันมืดมนของเจ้าตัวน้อยเปลี่ยนไปเป็นคนที่มีอนาคตสว่างไสวให้ได้ ส่วนพระเอกคนนั้นหรือ? ถ้าไม่ไหวก็หลีกทางให้ลูกชายของเธอเสียดีๆ!!

<h2 style='display: flex; justify-content: center;'>ข้อมูลเบื้องต้น</h2><p class="indent-a"> </p><p class="indent-a">เมื่อกู้เข่อซิงขัดใจกับตอนจบของนิยายที่กำลังอ่านอยู่ เธอจึงออกมาวิจารณ์นักเขียนผ่านโลกออนไลน์อย่างดุเดือด แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาเธอกลับพบว่าตัวเธอกลับกลายมาเป็นแม่ในวัยเด็กของตัวร้ายในนิยายที่เธอออกหน้าปกป้องในโลกออนไลน์คนนั้นเสียแล้ว</p><p class="indent-a">เธอจะทำให้โลกอันมืดมนของเจ้าตัวน้อยเปลี่ยนไปเป็นคนที่มีอนาคตสว่างไสวให้ได้ ส่วนพระเอกคนนั้นหรือ? ถ้าไม่ไหวก็หลีกทางให้ลูกชายของเธอเสียดีๆ!!</p><p class="indent-a">--------------------------------</p><p class="indent-a">มาแล้วค่า เรื่องใหม่ของไรท์ no more drama ฝากติดตามกดหัวใจกันเยอะๆ นะคะ ครั้งนี้ยังมีอ่านฟรีจนจบเรื่องเหมือนเดิมค่า อย่าลืมมาอ่านกันเยอะๆ นะคะ</p><p class="indent-a">****ไรท์จะเริ่มทำการติดเหรียญในวันจันทร์ที่11 พ.ย. นี้นะคะ ยังมีให้อ่านฟรีในตอนใหม่เป็นเวลา24 ชม. เหมือนเดิมค่า </p><hr/><h2 style='display: flex; justify-content: center;'>ตอนที่1</h2><p style="text-align:justify;" class="indent-a"> </p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">นิ้วมือเรียวบางขาวผ่องของกู้เข่อซิงรัวเร็วอยู่บนคีย์บอร์ดด้วยแรงอารมณ์ ปากอิ่มพูดคำที่ตนเองกำลังพิมพ์ทีละคำด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“คุณเขียนให้เด็กที่น่าสงสารคนหนึ่งถูกความโหดร้ายในทุกด้านของชีวิตกระหน่ำซ้ำเติมแบบนี้ สุดท้ายยังให้เขาถูกบดขยี้โดยพระเอกที่มีนิ้วทองคำเนี่ยนะ!! พระเอกของคุณทำอะไรเป็นบ้าง? เคยลำบากตอนไหน? พอตัวร้ายที่สู้ชีวิตมาตลอดปะทะกับเขาก็ตายเลย นี่สมเหตุสมผลตรงไหน? ฉันคิดว่าตัวร้ายของคุณน่าสงสารมากเกินกว่าจะต้องจบชีวิตง่ายๆ แบบนี้…”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงอ่านนิยายเล่มหนึ่งแล้วปรากฏว่าเธอกลับชอบตัวละครสู้ชีวิตอย่างตัวร้ายมากกว่า แม้ว่าโลกของเขาจะมืดมน โดนแม่เลี้ยงมาแบบทิ้งขว้าง พ่อก็ป่วยจนตายจากไป ต่อมาเมื่อเขาหนีออกจากบ้านไปได้ก็พบกับความยากลำบากต่างๆ นานา แถมยังไปรักนางเอกที่ตอนแรกดูเหมือนมีใจให้เขา แต่พอเจอพระเอกกลับเปลี่ยนใจทันที ต่อมาเมื่อสองฝ่ายปะทะกัน ตัวร้ายกลับต้องตายไปอย่างง่ายดายจนเธอรู้สึกเดือดพล่าน เธอเก็บความอึดอัดใจเอาไว้ไม่ไหวจึงเข้าไปในเพจของนักเขียนแล้วเข้าไปถามอีกฝ่ายว่าทำไมถึงเขียนนิยายออกมาได้ไม่สมเหตุสมผล ทำร้ายจิตใจคนอ่านที่อินกับนิยายอย่างเธอเหลือเกิน</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ยิ่งพอนักเขียนตอบข้อความของเธอกลับมาแล้ว เธอก็ยิ่งส่ายหน้า “ที่เขาเป็นตัวร้ายก็เพราะความคิดของเขามืดมนเกินไปยังไงล่ะ คุณก็อย่าว่าฉันนักเลย นี่มันก็แค่นิยายไม่ใช่เหรอ?”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงถอนหายใจ “ช่างเถอะ ฉันคงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านี้ เฮ้อ… “</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงเป็นเด็กกำพร้า การที่ตัวร้ายถูกเลี้ยงดูมาอย่างไม่มีใครสนใจกลับทำให้เธอเข้าถึงจิตใจของเขาและรู้สึกสงสาร หากทำได้ เธอก็อยากทำให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">แต่ก็อย่างที่นักเขียนว่าเอาไว้… มันก็แค่นิยาย</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">หญิงสาวพ่นลมออกจากปากด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก เธอหันไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำดื่มออกมาเทใส่แก้ว ก่อนค่อยๆ ดื่มน้ำเย็นหวังดับอารมณ์ขุ่นมัว</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ห้องที่เธออยู่ในตอนนี้เป็นห้องเล็กๆ ที่เธอเช่าอยู่ตามลำพัง ในห้องถูกจัดเก็บจนเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ในตู้เย็นมีของสดเตรียมเอาไว้เสมอ ด้านนอกระเบียงยังมีเสื้อผ้าที่เธอตากเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ช่วงนี้งานของเธอถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น เงินที่ได้รับก็เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก แต่เธอก็ชอบห้องเล็กๆ แห่งนี้ของเธอมากเช่นกัน แม้ว่าเธอจะมีความสามารถที่จะซื้อห้องชุดหรูหราได้ก็ตาม </p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ขณะที่อารมณ์กำลังดีเมื่อกลับมาถึงห้องอันอบอุ่นจึงเปิดนิยายออนไลน์มาอ่าน</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">แต่อ่านจบแล้วกลับทำให้อารมณ์ดีกลายเป็นอารมณ์เสียไปได้…</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงล้างแก้วน้ำจนสะอาดเอี่ยมแล้วเช็ดคราบน้ำออกจนเกลี้ยง ก่อนจะเก็บแก้วน้ำใส่ชั้นวางแก้ว</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ตกดึกเธอจึงเข้านอน…</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เมื่อเธอรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งกลับได้กลิ่นเหม็นอับ สัมผัสนุ่มและอุ่นของเตียงและผ้านวมก็หายไปด้วย</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงลืมตาขึ้นเพื่อที่จะพบว่า… เธออยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">‘กึก’</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อชิงผุดลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปด้านข้างของเตียง เธอพบว่ามีเด็กชายตัวน้อย หน้าตามอมแมม เสื้อผ้าเก่าขาด แต่ดวงตาวาววับกลมโตกำลังมองมาที่เธออย่างเยียบเย็น</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เจ้าตัวน้อยดูท่าทางอายุเพียงสี่ห้าขวบเท่านั้น แต่แววตากลับดูมืดมนขัดกับอายุของเขาเหลือเกิน</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">สีหน้าของกู้เข่อซิงแปรเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อความทรงจำที่ไม่ใช่ของตนเองกรูเข้ามาในสมองดั่งสายน้ำหลาก แต่มันขาดๆ หายๆ ไม่ปะติดปะต่อเท่าใดนัก</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เอาล่ะ… เธอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เธอมาอยู่ในนิยายเรื่องที่เธอเพิ่งวีนนักเขียนไปนี่นา</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">แล้วเธอก็ดันเข้ามาในร่างของแม่เจ้าหนูน้อยตรงหน้าที่จะกลายเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ผู้หญิงที่ขี้เกียจ วันๆ ไม่ทำอะไรสักอย่าง แม้แต่น้ำก็ยังไม่อาบเลย กลิ่นเหม็นที่เธอดมอยู่ตอนนี้ก็มาจากร่างกายของเธอนี่เอง</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">อี๋!! เธอรับไม่ได้!!</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">หญิงสาวมองไปที่เจ้าตัวน้อยที่ยังยืนอยู่ข้างเก้าอี้ มองตรงมาที่เธออยู่อย่างนั้น เขาพลางเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“ทำไมแม่ยังไม่ตาย?”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงรีบสวมบทบาทของตัวเองทันที “ทำไมล่ะ?”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“ก็แม่ไม่ขยับมาสามวันแล้ว ทำไมแม่ไม่ตาย? ถ้าแม่ตายแล้ว ผมจะได้อยู่กับพ่อสองคน”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงกระอักกระอ่วน เจ้าตัวน้อยนี่.. หวังให้แม่ตายอยู่ใช่หรือเปล่า?</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“ถ้าแม่ไม่ตายแล้ว ผมไปหาพ่อดีกว่า”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เด็กน้อยผอมซูบ ตัวของเขาเล็กมาก ถ้ามองดีๆ จะเห็นร่องรอยบอบช้ำหลายแห่ง ดูแล้วคงเป็นฝีมือของแม่ใจยักษ์คนนี้เป็นแน่</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เมื่อเห็นเด็กน้อยวิ่งออกไปจากห้องแล้ว กู้เข่อซิงจึงเริ่มสำรวจห้องที่กำลังอยู่ ที่นอนของเธอมีฟูกและผ้านวมที่ไม่นับว่าหนา ทั้งยังค่อนข้างสกปรก ถัดจากเตียงเป็นกล่องไม้คล้ายหีบมีฝาปิด ดูเก่ามากทีเดียว</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">อีกด้านหนึ่งยังมีโต๊ะและเก้าอี้เก่าๆ อ่างไม้ ถ้วยน้ำและกระติกเก็บความร้อน </p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">บนพื้นมีแต่คราบดินโคลน ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ทำความสะอาดมานานแค่ไหนแล้ว</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิงเห็นแล้วอกจะแตกตาย… </p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">แต่ก่อนอื่นเธออาศัยความทรงจำที่ได้รับมาค้นหาเสื้อผ้าในหีบไม้ ยิ่งค้นแต่ละชุดออกมา เธอก็ยิ่งหัวเสีย</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">โว้ย!! ยัยนี่แม้แต่เสื้อผ้าก็เอามายัดในหีบโดยไม่ซักแม้แต่ตัวเดียว คราบอะไรต่อมิอะไรก็ติดตามเสื้อผ้า เอามาใส่ไม่ได้เลย</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“บ้าที่สุด!!”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">กู้เข่อซิง อย่าเพิ่งสติแตก ตั้งสติก่อน.. เธอมาที่นี่แล้วและไม่รู้วิธีที่จะกลับไปโลกเดิมของเธอ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าก่อน</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เธอรวบเสื้อผ้าขึ้นมาทั้งหมด แล้วเดินไปที่อ่างไม้ ก่อนจะวางเสื้อผ้าลงไปในนั้น</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">จากนั้นจึงยกอ่างไม้ขึ้นเดินไปที่บ่อน้ำในลานด้านหลัง แล้วตักน้ำขึ้นมาแช่ผ้าเอาไว้</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ผงซักฟอกหรือสบู่สักก้อนก็ไม่มีเลย…</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เธอจึงเดินไปที่ห้องครัวแล้วกำขี้เถ้าออกมาผสมกับน้ำ เมื่อตกตะกอนแล้วเธอจึงเทน้ำใส่อ่างอีกใบแล้วยกไปใส่ลงในอ่างที่มีเสื้อผ้าอยู่</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“แช่เอาไว้ก่อนแล้วกัน”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เธอก็หาไม้กวาดที่สภาพใหม่เอี่ยมมาจัดการเก็บกวาดพื้นห้องเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงดึงผ้าปูที่นอนและผ้านวมออกไปแช่ในอ่างน้ำอีกใบที่มีน้ำด่างจากขี้เถ้าเหลืออยู่</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ก่อนจะนำผ้าขี้ริ้วมาชุบน้ำแล้วเช็ดถูห้องทีละจุดจนสะอาดเอี่ยม พอเสร็จจากการทำความสะอาดในห้องแล้ว เธอจึงมาซักผ้าที่แช่เอาไว้</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งเธอซักผ้าทั้งหมดจนสะอาด แล้วจึงลุกขึ้นนำผ้าไปตากทีละชิ้น</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เธอไปตักน้ำในบ่ออีกครั้งเพื่อนำมาล้างหน้าล้างแขนขาไปก่อนเพราะไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องครัว </p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เมื่อครู่เธอมาเอาขี้เถ้าใต้เตาฟืน แต่ยังไม่ได้มองห้องครัวแบบเต็มตา ทว่าเมื่อเดินเข้ามาสำรวจแล้ว เธอก็อยากร้องไห้จริงๆ</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ห้องครัวว่างเปล่า… แม้แต่ข้าวสารก็ไม่มีสักเม็ด</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เจ้าของร่างเอาอาหารที่ไหนมากินกันนะ? เมื่อเงยหน้าขึ้นไปทางประตูห้องครัว กู้เข่อซิงก็เห็นเงาของเจ้าตัวเล็กวิ่งผลุบหายไป เธอจึงเดินตามเขาไป</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เด็กน้อยถือห่อบางอย่างวิ่งเข้าไปในห้องเล็กๆ กู้เข่อซิงเห็นเขาเปิดห่อออกแล้วหยิบแผ่นแป้งมาฉีกแล้วชุบมันลงในชามที่มีน้ำ</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“พ่อครับ กินนี่นะครับ”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ตอนนี้เองที่กู้เข่อซิงมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ชายคนนั้นผอมมากๆ ท่าทางของเขาดูไร้เรี่ยวแรง แต่แม้กระนั้นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้างก็ทำให้เธอเห็นเค้าโครงของความหน้าตาดีได้</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เขาเม้มปากแน่น “ออกไปซะ!! น่ารำคาญเสียจริง”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เจ้าหนูน้อยยื่นแผ่นแป้งเปียกไปที่ริมฝีปากของผู้ที่ชื่อว่าเป็นบิดาแล้วยัดลงไป “พ่อต้องกิน!!”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">แววตาของชายหนุ่มวูบไหวจากนั้นก็หม่นลง เขาไม่มีทางพ่นอาหารที่หาได้ยากเหล่านี้ทิ้ง สำหรับคนในบ้านนี้ อาหารแย่แค่ไหนก็คืออาหาร</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เขาจำใจไม่พ่นออกมาแต่ก็ไม่ยอมเคี้ยว เด็กชายเห็นเช่นนั้นแม้อยากจะร้องไห้แต่ก็กลั้นเอาไว้ เขารู้ว่าทำไมพ่อของเขาถึงทำแบบนี้</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“เอาแบบนี้นะ ถ้าพ่อกลืนคำหนึ่ง ผมก็จะกินคำหนึ่ง”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ชายหนุ่มอยากหัวเราะที่ลูกชายตัวเล็กของเขาพูดจาหลอกล่อราวกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ แต่เขาทำเพียงกะพริบตาเท่านั้น</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">เด็กน้อยเห็นเขาไม่โต้แย้งจึงนำแผ่นแป้งชุบน้ำแล้วเข้าปากเคี้ยว สลับกับป้อนบิดาไปด้วย</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">ร่างกายของชายหนุ่มเป็นอัมพาต ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กู้เข่อซิงที่อาศัยความทรงจำในสมองที่ขาดๆ หายๆ มีบ้างไม่มีบ้าง ลอบมองเขากับเจ้าหนูน้อย หัวใจอ่อนยวบลงก่อนจะเอ่ยถาม</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a">“เธอเอาอาหารนั่นมาจากไหนน่ะ?”</p><p style="text-align:justify;" class="indent-a"> </p><p style="text-align:justify;"> </p><hr/>

ตอนที่2

เด็กน้อยเมินเธอโดยสมบูรณ์ ทุกครั้งที่เธอถามเรื่องนี้เขาไม่เคยปริปากบอกเลยสักครั้งว่ามีคนใจดีคอยนำมาให้ แล้วทุกครั้งเขาก็จะถูกแม่ตีและแย่งอาหารไปจากมือตลอด

เธอสังเกตว่าไม่ใช่แค่เด็กน้อยที่เมินเธอ แต่ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน เธอจึงหันกลับออกจากห้องนี้ไป เพราะตอนนี้เธอเองก็หิวแล้วเช่นกัน

จำได้ว่าตอนเธอซักผ้า นอกรั้วไปไม่ไกลมีภูเขาอยู่ กู้เข่อซิงคิดจะไปดูว่าพอจะหาอะไรมาทำอาหารได้บ้าง ดังนั้นเธอจึงเข้าไปดูในห้องครัวเพื่อหยิบตะกร้า จากนั้นจึงเดินออกไปจากบ้าน

เด็กน้อยที่อยู่ในห้องกับผู้เป็นบิดาเอ่ยกระซิบกับเขาว่า “วันนี้แม่แปลกมากเลยนะพ่อ อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นเอาผ้าไปซักหมดเลย แถมยังทำความสะอาดห้องด้วย”

ชายหนุ่มไม่ค่อยสนใจหัวข้อนี้นัก “เธออยากทำอะไรก็ปล่อยให้เธอทำไปเถอะ”

จางลั่วอวิ๋นมองเด็กชาย แววตาทอความอ่อนโยนและสงสาร “ต่อไปหาของกินได้ก็รีบกิน ไม่ต้องเอามาเผื่อให้พ่ออีก”

เด็กน้อยส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น “ไม่ได้!! ถ้าพ่อไม่กิน พ่อก็จะหิว หิวเกินไปก็จะตาย”

“จางอี้อัน!! อย่าดื้อกับพ่อ”

“ผมจะดื้อ!! ผมจะดื้อแน่นอน ผมไม่ยอมให้พ่อตายหรอก!!”

น้ำตาสองสายไหลอาบแก้มผอมตอบของเด็กน้อย เขาปาดมันด้วยแขนอย่างพยายามอดกลั้น

จางลั่วอวิ๋นรู้สึกขมขื่น เขายังจะกินอาหารให้สิ้นเปลืองไปทำไมอีก ในเมื่อเขาใกล้จะตายแล้ว

เด็กน้อยเดินไปหยิบกะละมังที่บรรจุน้ำสะอาดแล้วนำเข้ามาในห้อง เขาใช้แรงทั้งหมดผลักตัวบิดาให้นอนตะแคง จากนั้นจึงเริ่มทำความสะอาดของเสียใต้ร่างของชายหนุ่ม

จางลั่วอวิ๋นทั้งขมขื่นทั้งอดสู แม้แต่การขับถ่ายเขายังควบคุมไม่ได้ ต้องให้เด็กตัวเท่านี้มาคอยดูแลจัดการ

หัวใจของเขาเป็นรูพรุนไปหมด รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก หากเขาตายไปจางอี้อันก็จะสบายขึ้น

เหมือนว่าเด็กชายจะรู้ความคิดของบิดา เขากล่าวขึ้นว่า “หากพ่อตายไป ผมก็จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว หากว่าต้องอยู่คนเดียวในโลกใบนี้ ผมสู้ตามพ่อไปด้วยดีกว่า…”

“หุบปาก!!”

จางลั่วอวิ๋นเจ็บปวดใจยากจะทานทน เด็กอายุเพียงสี่ขวบกลับมีความคิดเช่นนี้แล้ว ต้องหมดหวังต่อการมีชีวิตแค่ไหนกัน?

จางอี้อันเม้มปากไม่พูดอะไรต่ออีก เขาลงมือทำความสะอาดให้บิดาจนทุกอย่างสะอาดสะอ้าน จากนั้นจึงลุกขึ้นนำเสื้อผ้าสะอาดมาเปลี่ยนให้ผู้เป็นพ่อ

ยิ่งเห็นเด็กน้อยรู้ความเช่นนี้ จางลั่วอวิ๋นก็ยิ่งห่อเหี่ยวในใจที่ไม่อาจลุกขึ้นมาทำอะไรได้ ได้แต่นอนอยู่แบบนี้

เมื่อมองลูกชายเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสื้อผ้าสกปรกของตนเองแล้ว จางลั่วอวิ๋นก็ไม่สะกดกลั้นอารมณ์อีกต่อไป น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างคับแค้นในโชคชะตา

หากเขาระมัดระวังคนในครอบครัวเดียวกันสักหน่อย เขาคงไม่ต้องมามีจุดจบอย่างในตอนนี้

ขอเพียงเขามีโอกาส แม้ต้องเป็นผี เขาก็จะตามไปล้างแค้นคนพวกนั้นให้ได้ แม้แต่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมารดา เขาก็จะไม่ละเว้น!!

ขณะเดียวกัน กู้เข่อซิงก็กำลังใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นว่าบริเวณตีนเขามีผักป่าขึ้นจำนวนมาก ทั้งยังมีต้นมะเขือ ต้นกุ้ยช่ายป่า ยังมีเห็ดหูหนู เห็ดโคน เห็ดหอม แถมในกอหญ้าเธอยังเจอกับไข่นกหลายฟองอีกด้วย

เธอดีใจจนอยากจะร้องเพลงออกมาดังๆ จากนั้นจึงเก็บเห็ดต่างๆ ใส่ลงในตะกร้า รวมทั้งมะเขือเทศ กุ้ยช่ายและผักป่ารวมถึงไข่นกเจ็ดฟอง

“เก็บต้นไปปลูกที่บ้านด้วยเลยดีกว่า เวลาดูแลจะได้สะดวก เวลาอยากกินก็เด็ดได้เลย”

ส่วนเห็ดพวกนี้ หากกินไม่หมดเธอจะนำไปตากแห้ง นอกจากจะทำเป็นผงเพื่อช่วยชูรสอาหารได้แล้ว ยังทำเป็นซอสเห็ดได้อีกด้วย

ในสมองของเธอร่ายเมนูอาหารออกมาได้ยาวเหยียด จากวัตถุดิบที่เก็บได้ในวันนี้

นอกจากนั้นเธอยังเก็บฟืนสำหรับก่อไฟทำอาหารกลับไปด้วยจำนวนหนึ่ง

เมื่อเธอกลับไปถึงที่บ้านก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กน้อย ไม่รู้เจ้าตัวเล็กวิ่งไปที่ไหนแล้ว

บ้านหลังนี้โดยรวมดูซอมซ่อ ผนังทำขึ้นจากดิน เธอจำได้ว่านี่เป็นช่วงราวๆ ยุคแปดศูนย์แล้ว แต่เธอดูสภาพความเป็นอยู่โดยรวมแล้วราวกับกำลังอยู่ในยุคหกศูนย์ก็ไม่ปาน

ทั้งซอมซ่อ ทั้งอดอยากยากไร้…

บ้านหลังนี้อยู่ท้ายหมู่บ้าน เมื่อครู่เธอจึงไม่พบเพื่อนบ้านเลยสักคน เนื้อเรื่องในช่วงนี้ก็ไม่ได้มีมากนัก เพียงกล่าวถึงคร่าวๆ พอให้เข้าใจความเป็นมาของตัวร้ายในยามเด็กเท่านั้น

เธอคาดเดาเอาเองว่าอาหารที่เด็กน้อยหามาได้ คงจะเป็นเพื่อนบ้านใจดีมอบให้มาแน่ๆ

ความเป็นอยู่ของผู้คนหลังยุคแปดศูนย์ไม่ถือว่าขาดแคลนอีกแล้ว คอมมูนก็ถูกยุบไปแล้วด้วย แม้จะยังมีบางที่ใช้คูปองสำหรับการซื้อหาสิ่งของอยู่บ้าง แต่ในเมืองใหญ่ๆ ก็เลิกใช้กันหมดแล้ว

คงมีแต่บ้านหลังนี้เท่านั้นที่ดูอย่างไรก็เหมือนยังอยู่ในยุคเก่าอันขาดแคลน

ขณะคิด กู้เข่อซิงก็นำของที่เก็บมาได้ไปล้างทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน สายตามองผ่านรั้วเตี้ยๆ ไกลออกไปก็เห็นเจ้าหนูน้อยกำลังก้มตัวทำบางอย่างอยู่ เธอจึงละมือจากสิ่งที่ทำแล้วเดินเข้าไปดู

ที่แท้นอกรั้วบ้านนี้ยังมีแม่น้ำสายเล็กพาดผ่าน เจ้าตัวน้อยกำลังขะมักเขม้นซักผ้าที่อยู่ในมือเล็กๆ อย่างอดทน

เหงื่อไหลตามกรอบหน้าของเขาจนหยดลง แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ ยังคงมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำอยู่อย่างนั้น

เห็นแล้วเธอก็อดสงสารไม่ได้ มือเล็กๆ นั่นเป็นรอยแดงเถือกจากการขยี้ “เอามาให้แม่เถอะ แม่ซักสะอาดกว่า”

จางอี้อันไม่สนใจกู้เข่อซิง เขายังคงซักผ้าอยู่อย่างนั้นราวกับการมาของกู้เข่อซิงเป็นสิ่งที่ว่างเปล่า

เธอได้แต่ถอนหายใจลุกขึ้นไปยกน้ำด่างจากขี้เถ้ามา แล้วแย่งผ้าในมือของเด็กน้อยมาแช่เอาไว้ในน้ำด่าง

“ใช้น้ำด่างจากขี้เถ้านี้ซักจะทำให้ซักผ้าได้สะอาดและเร็วขึ้นมาก”

น้ำเสียงเฉยเมยของเด็กน้อยดังขึ้น “แล้วก่อนหน้านี้ทำไมแม่ไม่ทำล่ะ?”

กู้เข่อซิงข่มใจไม่ตุ้บตั้บเด็กน้อยสักป๊าบ เธอสวดมนต์ในใจว่าเด็กน่าสงสาร อย่าได้ถือสา… เด็กไม่รู้เรื่องว่าเธอไม่ใช่แม่ของเขา ไม่ใช่เจ้าของร่างที่แท้จริง

“ตอนนี้แม่ก็มาทำแล้วไม่ใช่หรือ?”

จางอี้อันลุกขึ้นยืนมองกู้เข่อซิงนำมาผ้าที่แช่มาซักตาเขม็ง กลัวว่าอีกฝ่ายจะแกล้งมาช่วยแล้วฉีกเสื้อผ้าของบิดา

“เสื้อผ้าของเธอก็ถอดมาซักให้หมดเถอะ เลอะเทอะทั้งยังเหม็นแล้วด้วย”

เจ้าหนูน้อยไม่ยอมถอด “มันเปื่อยแล้ว หากซักอีกก็ขาดจนใส่ไม่ได้แล้วล่ะ”

กู้เข่อซิงฟังแล้วสะเทือนใจไม่น้อย “ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่จะหาตัวใหม่มาให้ใส่เอง”

แววตาของจางอี้อันเปลี่ยนไปฉับพลัน “แม่บอกว่า… จะหาเสื้อมาให้ผม?”

กู้เข่อซิงพยักหน้า แต่กลับเห็นแววตาของเด็กน้อยเปลี่ยนไปเป็นความระแวดระวัง

“คุณเป็นใครกันแน่? คุณไม่ใช่แม่ผมคนนั้น”

เด็กน้อยฉลาดเฉลียวเสียจริง ในวัยเพียงสี่ขวบเขากลับสามารถจับสังเกตพฤติกรรมของผู้อื่นได้อย่างฉับไวแล้ว

กู้เข่อซิงเองก็ไม่อยากให้เขาเอาแต่ปฏิเสธเธอ แต่จะให้เธอบอกว่าเธอทะลุมิติเข้ามาในหนังสือนิยายก็ไม่ใช่เรื่อง

“ถ้าแม่ไม่ใช่แม่ของลูก แล้วแม่จะมาซักผ้าให้ลูกทำไม? แม่ก็แค่คิดได้เท่านั้น”

ดูเจ้าตัวน้อยทำสีหน้าสีตาไม่เชื่อ กู้เข่อซิงก็ไม่อธิบายต่อ ขอเพียงเธอทำดีต่อเขา ไม่นานเขาคงคลายความระแวดระวังลงเอง

“เคยมีหมอมาตรวจร่างกายให้พ่อของลูกหรือยัง?”

เธอค้นหาจากความทรงจำแล้วถึงที่มาของชายหนุ่มกับร่างกายที่เจ็บป่วย แต่เธอกลับคิดไม่ออก

“เหอะ!! ใครเขาจะถ่อมาดูให้ล่ะ ค่ารักษาก็ไม่มีให้”

กู้เข่อซิงเข้าใจคำพูดของเด็กน้อย “อย่างนั้นแม่จะพยายามหาเงินแล้วพาพ่อไปโรงพยาบาลในเมืองเอง”

เด็กน้อยมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “แม่อย่ามาขี้โม้เลย ที่ผ่านมาผมไม่เห็นว่าแม่จะทำอะไรเป็นสักอย่าง”

หญิงสาวส่งเสียงหึ “ถ้าแม่ทำได้ล่ะ?”

“อย่างนั้นผมจะยอมเป็นเด็กดีเลยล่ะ”

“เด็กดีในความหมายของลูกคืออะไรล่ะ?”

“เด็กดีก็คือเชื่อฟังที่แม่พูดไง”

ตอนที่3

อย่างไรก็เป็นเด็ก จางอี้อันไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าความเย็นชาที่เขามีต่อมารดาลดน้อยลง เขาตอบโต้คำพูดกับกู้เข่อซิงไปมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกดีขึ้น

ในความคิดของเขา ตั้งแต่เขาจำความได้ แม่คนนี้ก็ไม่เคยทำอะไรสักอย่าง ใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านไปวันๆ เขาไม่เชื่อว่าจู่ๆ อีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างการหาเงินมาพาพ่อของเขาไปรักษาตัว

เมื่อซักผ้าเสร็จแล้ว กู้เข่อซิงก็ยกกะละมังที่มีเสื้อผ้าของชายหนุ่มขึ้น จากนั้นจึงเดินไปที่ราวตากผ้าที่ลานหลังบ้าน

เด็กน้อยเดินตามมาพลางมองผู้เป็นแม่ หัวคิ้วของเขาขมวดแน่นไม่เข้ากับอายุ

เขามองหญิงสาวตากผ้าทีละชิ้นอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งเป็นภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ข้างบ่อน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อมองเห็นวัตถุดิบอาหารกองโต

ขาสั้นๆ ของเขาวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างอดใจไม่อยู่ “ของพวกนี้มาจากไหน?”

กู้เข่อซิงเหลือบมอง “ถ้าลูกถามแม่อย่างสุภาพกว่านี้แม่ก็จะบอกว่าหาของพวกนี้มาจากไหน”

จางอี้อันเม้มปาก “คงไม่ได้ไปขโมยมาหรอกนะ?”

ชาวบ้านแถบนี้ใจดีกับเขามาก หากแม่ของเขาไปขโมยของจากชาวบ้านมา เขาคงต้องเป็นคนนำไปคืน

เห็นหญิงสาวไม่ตอบ เขาจึงวิ่งออกไปนอกบ้าน จากนั้นจึงวิ่งไปตามทางในหมู่บ้านเพื่อดูว่ามีบ้านไหนโวยวายว่าของหายบ้างหรือเปล่า

กู้เข่อซิงส่ายหน้า แต่กลับมีรอยยิ้ม “ก็ไม่ได้มีจิตใจย่ำแย่เลยนี่นะ ใครดีกับเขา เขาก็ดีกับคนนั้น นี่คงเป็นนิสัยแท้จริงของเด็กคนนี้กระมัง”

ตากผ้าเสร็จแล้ว กู้เข่อซิงจึงปัดมือแล้วกลับไปทำอาหารต่อ กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ห้องนอนของชายหนุ่ม

บ้านหลังนี้ห่างจากบ้านของชาวบ้านอยู่พอสมควร จึงไม่ควรมีกลิ่นอาหารจากบ้านอื่นลอยเข้ามา ทั้งกลิ่นยังเข้มข้นถึงปานนี้

เขากินอาหารหยาบมานาน จมูกไม่ได้รับกลิ่นหอมของอาหารมานานมากแล้ว พอได้กลิ่นกลับทำให้กระเพาะเริ่มส่งเสียง

แม้ว่าอยากจะลุกไปดูนอกห้อง แต่ร่างกายของเขากลับไม่เอื้ออำนวย เขาจึงได้แต่มองไปที่ประตูห้องของตนเองเพื่อรอให้บุตรชายตัวน้อยเข้ามาให้สอบถาม

กู้เข่อซิงถนัดการทำอาหารหลากหลาย เธอเป็นคนชอบกินอาหารอร่อยๆ และพอมีฝีมืออยู่บ้าง เมื่อได้ชิมอาหารที่ชอบเธอก็พอคะเนส่วนผสมและเครื่องปรุงที่ใส่ลงไปได้ไม่มากก็น้อย

ถึงแม้ตอนนี้เธอจะมีเครื่องปรุงแค่เกลือที่อยู่ก้นกระปุกก็ตาม แต่ความสดใหม่ของวัตถุดิบก็ทำให้เธอรังสรรค์อาหารน่ากินออกมาได้ในที่สุด

เรื่องเตาฟืนก็ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน เธอเคยใช้มันในตอนที่ไปทำกิจกรรมของบ้านเด็กกำพร้าที่ชนบทมาก่อน

กู้เข่อซิงเป็นคนเรียนรู้ได้เร็วและหัวไว เมื่อตั้งใจทำสิ่งใดแล้วสิ่งนั้นจะประทับอยู่ในสมองของเธอ ทั้งยังพลิกแพลงความรู้ที่มีได้เก่งกาจอีกด้วย

อีกเรื่องคือเธอเป็นคนเจ้าระเบียบจนถึงขั้นโรคจิต ดังนั้นที่ผ่านมาเธอจึงไม่สามารถอยู่ร่วมห้องกับคนอื่นได้หากไม่จำเป็น

เพราะคนที่ทนเธอไม่ได้ก็มักจะบ่นอุบตลอดจนย้ายหนีออกไปเอง…

เมื่อเจ้าตัวน้อยวิ่งไปรอบหมู่บ้านแล้วไม่เห็นความผิดปกติ เขาจึงกลับมาที่บ้าน ขณะที่เปิดประตูบ้านออก กลิ่นหอมของอาหารที่โชยมาทำเอาเขาน้ำลายหก

เท้าเล็กๆ รีบวิ่งไปที่ห้องครัว ก่อนจะมองไปที่กู้เข่อซิงที่กำลังตักอาหารจากกระทะมาใส่จาน จากนั้นเธอก็ใช้ขันตักน้ำมาเทใส่กระทะแล้วล้างมันหนึ่งรอบจากนั้นจึงเขี่ยฟืนกระจายถ่านออกเพื่อให้ไฟค่อยๆ มอดลง

“แม่ทำอะไร…ครับ?”

กู้เข่อซิงยกยิ้มในใจ เจ้าตัวน้อยนี่ช่างจดจำเก่งจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าหากอยากได้คำตอบอะไรจากเธอ เขาก็ต้องถามอย่างสุภาพเท่านั้น ตอนนี้เขายืนกลืนน้ำลายอย่างหิวโหยแต่กลับไม่ลืมคำพูดของเธอ

“จานนี้คือไข่ผัดมะเขือเทศ แล้วก็มีเห็ดหอมผัดกับผักป่า นี่คือน้ำแกงเห็ดหูหนู แต่แม่ไม่มีข้าวสารก็เลยหุงข้าวไม่ได้…”

เจ้าตัวเล็กยืดหลังตรงขึ้น “ผมยังมีแผ่นแป้งเหลืออยู่..”

พูดยังไม่ทันจบ จางอี้อันก็วิ่งไปที่ห้องของบิดาแล้วหยิบแผ่นแป้งที่ซุกซ่อนไว้ก่อนหน้านี้ออกมา จางลั่วอวิ๋นยังไม่ทันเปิดปากถามอะไร เขาก็วิ่งถือแผ่นแป้งออกไปแล้ว

กู้เข่อซิงจัดสำรับแยกต่างหากให้กับจางลั่วอวิ๋น เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กถือแผ่นแป้งมายื่นให้เธอก็รับมาเปิดดู

แผ่นแป้งทั้งแห้งทั้งแข็ง มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้เขาถึงต้องเอาไปชุบน้ำก่อนกิน

“แม่จะเอามันมาป่นแล้วต้มให้นิ่มเป็นโจ๊กก็แล้วกัน”

“แม่อย่าใช้หมดนะ เดี๋ยวมื้อหน้าไม่มีกิน”

แผ่นแป้งมีอยู่ห้าแผ่น มีปากท้องอยู่สามปากยังจะให้เธอเหลือเอาไว้อีกหรือ?

“ไม่เป็นไร เราหาอย่างอื่นกินมื้อหน้าก็ได้”

ถึงไม่อยากจะเชื่อแต่จางอี้อันก็เห็นความจริงอยู่ตรงหน้าแล้วว่าแม่ของเขาสามารถหาของกินมาได้จริงๆ ดังนั้นแม้ว่าในใจจะรู้สึกเสียดายแผ่นแป้ง แต่ก็ไม่ได้แย้งออกมาอีก

จางอี้อันมองผู้เป็นแม่ต้มแผ่นแป้งที่นำมาทุบจนป่น เมื่อต้มจนได้ที่แล้วเธอก็ตักมันใส่ชาม

“ลูกไปยกเก้าอี้วางไว้ข้างเตียงพ่อนะ เดี๋ยวแม่จะยกอาหารเข้าไปป้อนให้เขาก่อน แล้วเราค่อยกินข้าวด้วยกัน”

“ผมจะกินกับพ่อ แม่กินคนเดียวเถอะ”

“อ้อ… แม่ทำอาหารเหนื่อยแทบแย่ แต่ลูกอยากให้แม่นั่งกินอาหารคนเดียวหรือ?”

“แต่ผมอยากกินกับพ่อ…”

กู้เข่อซิงหัวเราะหึหึ แต่กลับไม่ทำให้เขาลำบากใจมากนัก เธอเข้าไปยกโต๊ะในห้องนอนของตนเองที่เช็ดจนสะอาดสะอ้านแล้วออกมา ก่อนจะนำมันเข้าไปในห้องของจางลั่วอวิ๋น โดยไม่ได้สนใจสายตาแปลกใจของเขาแม้แต่น้อย

เจ้าตัวเล็กช่วยยกเก้าอี้เข้ามาในห้อง สีหน้าสีตาดูแจ่มใสขึ้นอย่างหาได้ยาก

“พ่อครับ วันนี้แม่แปลกไปจริงๆ ด้วย เธอทำอาหารพวกนั้นทั้งหมดเลย ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน”

เจ้าตัวน้อยกระซิบข้างหูบิดา จงใจกดเสียงเพื่อไม่ให้หญิงสาวได้ยิน “อีกทั้งยังไม่ได้ขโมยของใครมาด้วยล่ะ”

กู้เข่อซิงยกอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะทีละจาน ก่อนจะไปตักน้ำใส่กะละมังเข้ามาในห้อง

“ทั้งสองคนล้างมือก่อน แล้วค่อยกินข้าว”

จางลั่วอวิ๋นมองเธออย่างเฉยชา เมื่อเห็นเขาไม่ขยับตัวเธอจึงลุกขึ้นนำผ้ามาชุบน้ำแล้วจับมือเขามาเช็ดอย่างละเอียดทีละนิ้ว นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มน่ามองมากทีเดียว ไม่เหมือนชายชนบทคนอื่นๆ ที่นิ้วหนาเป็นข้อใหญ่ๆ

แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามดึงมือกลับ แต่เขากลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ ได้แต่ปล่อยให้เธอทำไป

“อยู่ๆ คุณเป็นอะไรขึ้นมา ทำอย่างนี้จะได้อะไรหรือ?”

ชายหนุ่มมองไปทางอื่นแต่ไม่มองหน้าเธอ กู้เข่อซิงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ก็ได้กินอิ่มไงล่ะ คุณจะคิดให้มันมากมายไปทำไมกัน?”

จางอี้อันล้างมือในอ่างอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ “เดี๋ยวผมตักกับข้าวให้พ่อเองนะ”

เขาคีบกับข้าวใส่ชามโจ๊กจนแทบล้น จากนั้นวางชามเอาไว้ที่ขอบโต๊ะ ก่อนจะย้ายตัวเองลงมาจากเก้าอี้แล้วค่อยๆ เอื้อมหยิบชามที่อยู่ขอบโต๊ะมาถือเอาไว้

“แม่ป้อนเองดีกว่า ลูกไปนั่งกินเถอะ”

กู้เข่อซิงรับชามมาจากมือเด็กน้อย เมื่อครู่เธอเห็นเขายกชามมาถือเอาไว้ด้วยความหวั่นเกรงว่าเขาจะทำโจ๊กราดรดใส่ตัวเองจนบาดเจ็บ ชามโจ๊กยังร้อนอยู่มาก เจ้าตัวน้อยก็อดทนถือจนมือแดงหน้าแดงไปหมด

เขายังไม่มีแรงมือที่มากพอจะจับเพียงแค่ขอบชาม เมื่อผู้เป็นแม่รับชามไปแล้วเขาจึงรู้สึกโล่งอก

กู้เข่อซิงวางชามเอาไว้ข้างๆ ก่อนจะช่วยประคองจางลั่วอวิ๋นให้ลุกขึ้นมาพิงหัวเตียง เธอเอาหมอนมายัดเอาไว้ที่ด้านหลังของเขาเพื่อให้เขาไปเอียงล้มไปด้านข้าง

เมื่อมุมมองสูงขึ้นแล้ว จางลั่วอวิ๋นจึงได้มองเห็นอาหารบนโต๊ะ ทุกอย่างล้วนน่ากินและหอมกรุ่น เขาหันมาพิจารณาท่าทีของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาอีกครั้ง

แววตาและท่าทางของกู้เข่อซิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ตอนนี้กลับสามารถทำอาหารออกมาหลายจานเช่นนี้

แต่ก่อนที่เขาจะมาเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้รู้จักผู้หญิงตรงหน้าดีนัก ไม่แน่ว่าเธออาจเคยทำเรื่องพวกนี้เป็นมาก่อน แต่เพราะต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับเขาก็เลยเกิดความคิดหมดอาลัยตายอยากเช่นเดียวกัน

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...