โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

'ดร.ภัทรพงษ์ แสงไกร' อาจารย์นิติศาสตร์ มธ. ชวนสังเกตชั้นเชิงการเจรจาของไทยใน 'agreed minutes' จากการประชุม JBC

VoiceTV

อัพเดต 16 มิ.ย. เวลา 04.05 น. • เผยแพร่ 16 มิ.ย. เวลา 03.55 น. • กองบรรณาธิการวอยซ์ออนไลน์

วันนี้ (16 มิถุนายน 2568) ดร.ภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Phil Saengkrai โดยระบุว่า

หลายท่านอาจจะไม่พอใจที่ฝ่ายไทยสื่อสารกับประชาชนล่าช้า ผมเข้าใจ แต่ผมอยากจะชวนให้สังเกตชั้นเชิงการเจรจาของฝั่งไทยในแถลงข่าวฉบับนี้

แถลงข่าวกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า "ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา" และ "บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้"

อย่างหลังนี่แหละครับที่มีนัยสำคัญ เพราะ agreed minutes เป็นความตกลงร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา มีผลผูกพันทั้งสองฝ่าย การที่ไทยสามารถนำท่าทีของฝ่ายไทยไปแนบเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกการประชุมนี้ได้ ก็เท่ากับว่า กัมพูชายอมรับและผูกพันตามเนื้อหาในเอกสารแนบนี้ด้วย

ผมอยากให้อ่านภาษาที่ใช้อย่างละเอียด

- ข้อ 1 กัมพูชารับรู้และยอมรับว่า การดำเนินการของทหารเป็นไปตามหลักการป้องกันตนเอง และเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

(เท่าที่เห็นจากข่าว กัมพูชาไม่ได้โต้แย้งในประเด็นนี้ในแถลงการณ์ด้วย ยิ่งตอกย้ำว่า กัมพูชายอมรับว่าไทยทำโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว)

- ข้อ 2 กัมพูชารับรู้ว่า "ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่" อ่านตรงนี้ดีๆ นะครับ

กัมพูชากำลังยอมรับว่า เป็นฝ่ายที่เลิกการเจรจาไปเอง พูดง่ายๆ หากกระบวนการเจรจาในส่วนพื้นที่พิพาทสี่แห่งไม่เดินหน้า ก็เป็นความผิดของฝ่ายกัมพูชาเอง ที่ "เลือกที่จะปิดประตูการเจรจา"

- ข้อ 3 และข้อ 4 อธิบายหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายที่ผูกพันต่อกันซึ่งเพิ่มขึ้นมาจาก MOU 2543 คือ "ต้องใช้ความอดกลั้น" (คีย์เวิร์ดของฝ่ายไทยที่ใช้มาตลอด) และ "ต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิด" สองข้อนี้ผูกพันทั้งสองฝ่าย ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่ของรัฐกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ทำให้เข้าใจผิด เท่ากับว่าทำผิดความตกลงที่ทำขึ้นเมื่อวาน แต่กลับเป็นฝ่ายที่เดินหน้าไปฟ้องศาลโลก เช่นนี้แล้ว การฟ้องคดีชอบธรรมหรือไม่

ผมไม่ได้เห็นเอกสารตัวจริง แต่หากเป็นไปตามที่กระทรวงฯ แถลง การใส่เอกสารแนบเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกประชุมที่ตกลงกันสองฝ่าย agreed minutes นี้ เป็นกลวิธีที่แยบคายและทำให้ไทยได้เปรียบมากครับ

โดยเนื้อหาจากแถลงข่าว การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย (JBC) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6 ที่ปรากฎต่อสาธารณะชน และยังเผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ทางการของกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า

แถลงข่าว การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย (JBC) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6

วันที่นำเข้าข้อมูล 15 มิ.ย. 2568 วันที่ปรับปรุงข้อมูล 15 มิ.ย. 2568

การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย - กัมพูชา Joint Boundary Commission (JBC) ครั้งที่ 6 จัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ฝ่ายไทยมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดนเป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทย ด้านฝ่ายกัมพูชามีนายลำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายกัมพูชา โดยคณะกรรมาธิการเขตแดนประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ

การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 13 ปี หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อปี 2555 ที่กรุงเทพฯ ทั้งสองฝ่ายร่วมกันหารืออย่างกว้างขวางซึ่งในประเด็นการดำเนินงานด้านเทคนิคภายใต้กรอบกลไก JBC นำไปสู่ความคืบหน้าสำคัญ ได้แก่

(1) รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการร่วมไทย - กัมพูชา (Joint Technical Sub-Committee (JTSC)) ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) ณ เมืองเสียมราฐ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

(2) เห็นชอบให้มีการแก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) เพื่อนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ

(3) เห็นชอบการส่งชุดสำรวจร่วมไปลงสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ระหว่างหลักเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันในพื้นที่ที่ใช้ลำน้ำ หรือเส้นตรงเป็นเส้นเขตแดน โดยมอบหมายให้ JTSC ไปหารือและจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) ร่วมกันต่อไป

(4) เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 (จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ) ซึ่งเป็นประเด็นคงค้างมาตั้งแต่ปี 2554 โดยมอบหมาย JTSC จัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจ ไปพร้อม ๆ กับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อเสนอต่อ JBC ต่อไป

อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุด (พื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) ไปสู่การพิจารณาของ ICJ ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

ในการนี้ ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา (ซึ่งได้บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้) ดังนี้

1. การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัวจากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

2. ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ โดยท่าทีของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ได้เน้นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาระหว่างกันแบบทวิภาคี และบทบาทที่สำคัญของ JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย

3. ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 (ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย) โดยไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย

4. ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่น ๆ ในการช่วยแก้ปัญหาด้วย เช่น GBC, RBC การประชุมผู้ว่าจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อให้แนวชายแดนมีความสงบเป็นปกติ และอำนวยความสะดวกการเดินทางของคนและขนส่งสินค้า ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นนี้

ทั้งนี้ การประชุมมิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ ICJ และมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200000 คณะกรรมการปักปันสยาม - อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในประเด็นเทคนิคในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตามแผนแม่บทฯ

ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2568

หลังจากที่ ดร.ภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นต่อการเจรจา JBC แล้วได้มีความเห็นที่น่าสนใจต่อโพสต์ดังกล่าวดังนี้

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...