โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

พีระพันธุ์ดันนโยบายพลังงาน มุ่งส่งเสริมพลังงานทดแทน ปลดล็อกกฎหมายให้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ง่ายขึ้น

THE STANDARD

อัพเดต 14 ก.ค. เวลา 01.28 น. • เผยแพร่ 14 ก.ค. เวลา 01.28 น. • thestandard.co
พีระพันธุ์ดันนโยบายพลังงาน มุ่งส่งเสริมพลังงานทดแทน ปลดล็อกกฎหมายให้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ง่ายขึ้น

วานนี้ (13 กรกฎาคม) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘นโยบายภาครัฐ อนาคตพลังงานทดแทน’ แก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ GreenNext Episode 04 พลังงานทดแทนอนาคต เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 โดยเน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาพลังงานของประเทศไทยไปสู่พลังงานสะอาด และการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน

▪️ปลดล็อกข้อจำกัด เพื่อให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าเองได้

พีระพันธุ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งปรับปรุงคือการลดขั้นตอนและข้อจำกัดในการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะการเข้าถึงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ด้วยตนเอง ปัจจุบันการติดตั้งโซลาร์เซลล์ยังเผชิญกับปัญหาการตีความของกฎหมายที่ซับซ้อน ทำให้หลายหน่วยงานอ้างอำนาจหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรมที่มองว่าเป็นการทำโรงงานอุตสาหกรรม หรือการตรวจสอบโครงสร้างจากภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้กระบวนการขออนุญาตใช้เวลาเกือบ 1 ปี

พีระพันธุ์เผยว่า เพื่อแก้ปัญหานี้ พรรครวมไทยสร้างชาติได้เสนอกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์โดยตรงเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อให้การติดตั้งโซลาร์เซลล์เป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องขอใบอนุญาตเป็นโรงงาน และเปลี่ยนจากระบบควบคุมเป็นระบบกำกับดูแล นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายของกระทรวงพลังงานที่กำลังรอการบรรจุวาระการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกด้วย

▪️มาตรการสนับสนุนและแหล่งเงินทุนนอกเหนือจากกฎหมาย

พีระพันธุ์ยังกล่าวถึงมติ ครม. เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้นำค่าใช้จ่ายจากการติดตั้งโซลาร์เซลล์ไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในภาษีเงินได้ รวมถึงการปรับปรุงหลักเกณฑ์ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และกองทุนส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน ให้เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการผลิตไฟฟ้าด้วยตนเองได้ง่ายขึ้น

พีระพันธุ์เน้นย้ำว่า การจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีได้ ต้องลดการใช้พลังงานฟอสซิลทั้งหมด ซึ่งเป็นที่มาของการมองหาวัตถุดิบอื่นมาผลิตพลังงาน เช่น แดด ลม น้ำ ขยะ เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซ

ปัจจุบันภาคการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุด แม้จะมีการเปลี่ยนจากการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า แต่ก็ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น เนื่องจากก๊าซธรรมชาติมีต้นทุนการผลิตสูงกว่า นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการผลิตไฟฟ้าก็ส่งผลให้ค่าไฟแพงขึ้นด้วย

▪️ปรับแผน PDP สู่สมดุลพลังงานสะอาด

สำหรับแผนพัฒนาพลังไฟฟ้า (PDP) พีระพันธุ์เห็นว่าต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมายโดยมุ่งเน้นลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า และ ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ควบคู่ไปกับความมั่นคงทางพลังงาน โดยจะต้องสำรวจศักยภาพของพลังงานทดแทนในประเทศอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานน้ำ ลม แสงอาทิตย์ และพลังงานชีวมวลจากการเผาขยะมูลฝอย เศษไม้ วัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตร หรือก๊าซที่ผลิตจากมูลสัตว์ เพื่อลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติลง และเพิ่มสัดส่วนพลังงานสีเขียวให้มากยิ่งขึ้น

พีระพันธุ์กล่าวทิ้งท้ายด้วยการให้กำลังใจคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องบ้านเมือง โดยขอให้ทุกคนใช้เหตุและผลในการทำงาน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง รับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน หมั่นหาความรู้ และไม่ลืมความเป็นไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...