โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดแผนสู้ ภาษีทรัมป์ 36%

INN News

อัพเดต 15 ก.ค. เวลา 08.24 น. • เผยแพร่ 15 ก.ค. เวลา 02.00 น. • INN News

"ภาษีทรัมป์" ทุบไทย เก็บ 36% กดดันส่งออก-ลงทุน ไทยเร่งสู้ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.

"ภาษีทรัมป์" ยังเป็นประเด็นร้อนแรงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่า ประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" จะร่อนจดหมายเรียกเก็บภาษีศุลกากรให้อีกหลายๆ ประเทศ ล่าสุดก็ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากบราซิลเป็น 50% และในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจาก EU และเม็กซิโกสูงถึง 30% ถือว่า เป็นการยกระดับสงครามการค้าไปอีกขึ้น นั่นเพราะประธานาธิบดี ทรัมป์ ระบุว่า การขาดดุลการค้ากับ EU เป็นภัยคุกคามมั่นคงของชาติ ขณะที่ทีมไทยแลนด์ก็เดินหน้าทำข้อเสนอใหม่ต่อสหรัฐฯ แล้ว

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า หลังจากที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ไทย 36% ส่วนประเทศรอบไทยถูกเรียกเก็บภาษีน้อยกว่า อาทิ ญี่ปุ่น 25%, เกาหลีใต้ 25%, มาเลเซีย 25%, เวียดนาม 20% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2568 ถือเป็นปัจจัยเข้ามากดดันเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการลงทุน ที่โดนกดดันจากยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI มีความเสี่ยงหายไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งอาจเห็นการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีถูกกว่าแทน

แม้ข้อมูลในอดีตจะบ่งชี้ว่าช่วงปี 2567 ยอดขอรับการส่งเสริม FDI จะพุ่งสูง 8.3 แสนล้านบาท แต่เม็ดเงินลงทุนจริง คาดว่าจะเกิดขึ้น หลังจากขอรับการส่งเสริมผ่านไปราว 1-2 ปี ดังนั้นจึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามหากสถานการณ์ยังครุมเครือและไม่มีทิศทางที่ดีขึ้น อาจเห็นสำนักเศรษฐกิจต่าง ๆ ทยอยปรับ ลดคาดการณ์ GDP ของไทยให้ต่ำกว่า 1%ในระยะถัดไปได้

อย่างไรก็ตาม มีมุมมองที่น่าสนใจจาก "นายพิชัย ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแผนสู้ภาษีทรัมป์ว่า เศรษฐกิจไทยจะต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้าง โดยลดการพึ่งพาภาคการส่งออกให้ลดน้อยลงจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 58-60% และหันมาพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ขณะที่กรอบการเจรจาภาษีสหรัฐ ที่จะมีผล 1 ส.ค. นี้ โดยล่าสุดไทยได้ดำเนินการทบทวน และปรับเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมและส่งกลับไปยังสหรัฐเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่าข้อเสนอจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ

ขณะที่ "รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ" คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้ความเห็นว่า ประเทศไทย ยังไม่เผชิญสถานการณ์เลวร้ายที่สุดจากกำแพงภาษีทรัมป์ เกมเจรจาต่อรองทางการค้ายังไม่จบ ได้มีการเลื่อนเส้นตายไปวันที่ 1 ส.ค. รัฐบาลทรัมป์ใช้กลยุทธ์บีบให้ไทย มีข้อเสนอที่สหรัฐอเมริกาได้ประโยชน์ และต้องการให้ไทยเปิดเสรีเปิดตลาดสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมากยิ่งขึ้น ต้องการให้ยกเลิกมาตรการ
กีดกันการค้าทั้งหลายที่ไม่ใช่ภาษี รวมทั้งระบบโควต้าเพื่อปกป้องผู้ผลิตภายใน

โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เราไม่ควรเปิดตลาดสินค้าทุกประเภทด้วยอัตราภาษี 0% แบบเวียดนามเพื่อแลกกับการลดภาษีตอบโต้ทางการค้า หากเราต้องการจะทำแบบเวียดนามโมเดล เราก็อาจทำได้ยากภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองของไทย
เพราะกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมภายในและกลุ่มแรงงานก็จะกดดันไม่ให้รัฐบาลเปิดตลาด และเรียกร้องให้มีมาตรการปกป้อง แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่เกิดขึ้นในเวียดนาม เพราะเวียดนามเป็นรัฐสังคมนิยมที่ใช้ระบบการวางแผนจากส่วนกลางผสมเศรษฐกิจแบบตลาด

สำหรับยุทธศาสตร์การเจรจาของไทยจึงไม่ใช่ยอมเปิดตลาดสินค้าทุกประเภทให้สหรัฐฯเพื่อแลกกับการลดภาษี แต่ควรใช้วิธียอมเปิดตลาดสินค้าเฉพาะบางประเภทที่เราพอแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ หรือ เป็นสินค้าไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ส่วนสินค้าประเภทที่ยังแข่งขันไม่ได้ต้องมีมาตรการช่วยเหลือและระบบสนับสนุนให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น ผลิตภาพสูงขึ้น แล้วจึงค่อยเปิดตลาด การเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้สหรัฐฯโดยเฉพาะสินค้าที่มีความอ่อนไหวสูง ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและมีกลยุทธ์

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการเจรจาการค้าของทีมไทยแลนด์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งดีลต่าง ๆ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน มองว่า สุดท้ายแล้วหลังได้ดีลทุกอย่างที่พอใจ เราอาจเห็นการขยับอัตราภาษีการค้าลงทั้งระบบทุกประเทศ เพื่อให้ภาษีการค้าแท้จริงเฉลี่ย อยู่ระหว่าง 10-20% ซึ่งจะไม่สร้างภาระกับผู้บริโภคสหรัฐฯ มากเกินไป และยังทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตได้ แม้อาจเป็นในอัตราชะลอลงนั่นเอง

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...